คอลลาเจน มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก มีความหมายว่า “กาว” เป็นโปรตีนธรรมชาติชนิดหนึ่งในกลุ่มโปรตีนเส้นใย (Fibrous Protein) เป็นส่วนประกอบสำคัญของผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น ข้อต่อ เส้นผม รวมไปถึงเนื้อเยื่อทั้งหมดในร่างกาย

     คอลลาเจน มีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวพรรณ ผนังของหลอดเลือด มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ ยึดเหนี่ยวส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อกระจกตา เลนส์ตา เอ็น เนื้อเยื้อ กระดูกอ่อน ฯลฯ คอลลาเจนจึงเปรียบเป็นกาวแห่งชีวิต ทำหน้าที่เชื่อมเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเข้าด้วยกัน ช่วยป้องกันอวัยวะภายในร่างกายและเชื่อมอวัยวะต่าง ๆ ให้อยู่ด้วยกัน

     แต่ร่างกายจะเริ่มมีการผลิตคอลลาเจนน้อยลงในช่วงอายุ 20-30 ปี และคอลลาเจนจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ร่างกายเกิดความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ เช่น ผิวพรรณขาดความกระชับ หย่อนคล้อย หมองคล้ำ หรือมีริ้วรอยก่อนวัย ฯลฯ และกระบวนการสร้างคอลลาเจนจะช้าลง 30% ในช่วงอายุ 40 ปี ที่ส่งผลให้เห็นถึงความอ่อนแอของเนื้อเยื่อในส่วนต่าง ๆ ผิวหนังเหี่ยวย่น มีริ้วรอยชัดเจนขึ้น

     การเติมคอลลาเจนให้ร่างกายอย่างสม่ำเสมอ สามารถคงความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของชั้นผิว ผิวมีความกระชับ เรียบเนียน ดูอ่อนกว่าวัย มีความกระจ่างใสเนื่องจากคอลลาเจนมีส่วนช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน (สีเข้ม) ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง นอกจากนี้ ยังบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อกระดูก ข้อเข่าเสื่อม เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไหลเวียนเลือด และส่งผลดีให้กับส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอีกมากมาย

<span style="color:#8e44ad;"><strong><span style="font-size:18px;"></span></strong></span><span style="font-size:11pt"><span style="background:white"><span style="line-height:normal"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"></span></span></span></span><span style="font-size:18px;"><span style="color:#e67e22;"><strong>บิลเบอร์รี่ (Bilberry)</strong></span><span style="color:#8e44ad;"><strong> </strong></span>&nbsp;<span style="color:#e67e22;">พบสารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ในบิลเบอร์รี่ (Bilberry) มากกว่าเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่น ๆ</span> เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง ที่มีส่วนช่วยดูแลปกป้องดวงตา มีส่วนช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ และ<span style="color:#e67e22;">จากผลการศึกษาและงานวิจัยของสารแอนโทไซยานิน พบว่ามีส่วนช่วยในการมองเห็นในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย, มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก, มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น </span>โดย แอนโทไซยานิน เป็นสารที่ให้สีม่วง สีแดง สีน้ำเงิน ในพืชผัก เช่น กะหล่ำปลีม่วง หอมแดง มะเขือเทศ ในผลไม้ เช่น บิลเบอร์รี่ (Bilberry), แบลคเคอร์แรนท์, สตรอว์เบอรี รวมทั้งธัญพืชและถั่วที่มีสีเข้ม</span><span style="font-size:11pt"><span style="background:white"><span style="line-height:normal"><span style="font-family:Calibri,sans-serif"><span lang="TH" style="font-size:12.0pt"><span style="background:white"><span style="font-family:&quot;Arial Unicode MS&quot;,sans-serif"><span style="color:#232323"> </span></span></span></span><span style="font-size:12.0pt"><span style="font-family:&quot;kanitlight&quot;,serif"><span style="color:#232323"></span></span></span></span></span></span></span><br />
<span style="font-size:14px;"></span>