สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หรือ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
หรือเข้าสู่ระบบด้วย
หรือ
สั่งซื้อทันทีโดยไม่สมัครสมาชิก
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
ตะกร้าสินค้า
รายการสินค้าที่สั่งซื้อ
ยังไม่มีคำสั่งซื้อ
แนะนำสำหรับคุณ
PRODUCTS
CUSTOMER SERVICE
ABOUT US
PROMOTION
REWARDS
HELPING
10 เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนัก
10 เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนัก

หากกล่าวถึงเครื่องดื่มสมุนไพร คนส่วนใหญ่อาจนึกถึงเครื่องดื่มในท้องตลาดทั่วไปที่เราต่างต้องเคยได้ยินชื่อกันอยู่บ่อยครั้ง เช่น น้ำตะไคร้ น้ำดอกอัญชัน น้ำกระเจี๊ยบ น้ำใบเตย ฯลฯ แต่จริง ๆ แล้วยังมีเครื่องดื่มสมุนไพรประเภทอื่น ๆ ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าการใช้ดับกระหาย โดยเฉพาะเครื่องดื่มสมุนไพรลดน้ำหนักซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนักไปพร้อม ๆ กัน

วันนี้ Live & Fit ได้รวบรวมเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับเครื่องดื่มสมุนไพร พร้อมได้คัดสรร 10 อันดับเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่คุณไม่ควรพลาดมาแนะนำกันค่ะ

รู้จักกันให้มากขึ้น “เครื่องดื่มสมุนไพร” คืออะไร ?
เครื่องดื่มสมุนไพร หมายถึงเครื่องดื่มที่ได้จากพืชซึ่งอาจนับรวมไปถึงผัก ผลไม้ หรือแม้แต่ธัญพืชร่วมด้วยโดยอาจได้มาจากการแปรรูปหรือใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของพืช อาทิ ผล ใบ เมล็ด ดอก เหง้าหรือรากด้วยการนำมาคั้นสดหรือแปรรูปด้วยกระบวนการอื่น ๆ สำหรับใช้ดื่มในทันทีเพื่อเป็นการรักษาคุณค่าตามธรรมชาติอีกด้วย ไม่เพียงแต่สรรพคุณเพียบแต่ยังมีราคาย่อมเยา ปลอดสารเคมีเพราะเป็นการใช้ผลผลิตจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

สำหรับความเป็นมาของเครื่องดื่มสมุนไพร ต้องบอกเลยว่าเครื่องดื่มสมุนไพรนั้นมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล จุดเริ่มต้นของเครื่องดื่มสมุนไพรมาจากน้ำชนิดหนึ่งที่พระสงฆ์สามารถฉันได้ตลอดทั้งวันแทนอาหารหลังมื้อเพลตามบัญญัติของศาสนาพุทธนั่นคือ “น้ำปานะ” หรือที่เรียกว่า “น้ำอัชบาล” โดยส่วนใหญ่น้ำปานะนี้มีการใช้สมุนไพรหรือพืชที่ให้รสชาติเผ็ดร้อน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ นำมาต้มในน้ำร้อนผสมน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย ในภายหลังเครื่องดื่มสมุนไพรได้รับความนิยมมากขึ้น จนกระทั่งมีการดื่มอย่างแพร่หลายในกลุ่มคนทั่วไป เพราะความจริงที่ว่าร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยน้ำประมาณ 60% - 70% การดื่มน้ำให้ได้ตามปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันจึงเป็นเรื่องสำคัญ น้ำจึงมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าอาหาร 5 หมู่ที่เราต้องรับประทานในแต่ละวัน

ถึงแม้ว่าน้ำเปล่าเป็นเครื่องดื่มที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ แต่เครื่องดื่มประเภทอื่นโดยเฉพะเครื่องดื่มสมุนไพรเองย่อมมีคุณประโยชน์ในแบบที่น้ำเปล่าไม่สามารถให้ได้ เช่น สรรพคุณทางยาจากสารพฤกษเคมีต่าง ๆ ที่สามารถพบได้เฉพาะในพืชสมุนไพร จึงทำให้มีการเริ่มต้นดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรกันตั้งแต่โบราณกาลเนื่องจากคนสมัยก่อนต้องการใช้ประโยชน์จากผลผลิตตามธรรมชาติอย่างสมุนไพรสดให้ได้มากที่สุด เครื่องดื่มสมุนไพรจึงถือกำเนิดขึ้นด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้

ประเภทของเครื่องดื่มสมุนไพร

สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจำแนกเครื่องดื่มสมุนไพรตามกรรมวิธีและแหล่งที่มา ได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

1. น้ำดื่มและน้ำผลไม้ที่ได้จากการปรุงแต่ง จากจุดเริ่มต้นของน้ำปานะหรือน้ำอัชบาลที่เป็นเครื่องดื่มของพระสงฆ์สมัยพุทธกาลดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น เมื่อเวลาผ่านไป ประเทศไทยเริ่มเป็นดินแดนที่มีพืชผลอุดมสมบูรณ์ อุดมไปด้วยพืชผักผลไม้นานาชนิดที่ต่างเกิดจากการสลับหมุนเวียนเพาะปลูกตลอดทั้งปี จึงทำให้คนเริ่มนำเอาสมุนไพรและผลไม้มาทำเป็นเครื่องดื่ม แรกเริ่มอาจเป็นเพียงแค่การปรุงรสแบบง่าย ๆ เพียงเติมรสชาติด้วยเกลือหรือน้ำตาลให้ได้รสชาติอร่อยถูกปาก เช่น น้ำมะตูม น้ำมะนาว น้ำใบเตย น้ำตะไคร้ น้ำใบบัวบก และน้ำกระเจี๊ยบ เป็นต้น

2. น้ำดื่มธรรมดาที่ใช้ตามพิธีหรือประเพณี ได้แก่ น้ำที่นำไปอบด้วยเครื่องหอม เช่น กระดังงาลนไฟ ลอยด้วยดอกมะลิ ใช้สำหรับเป็นน้ำถวายเจ้าขุนมูลนายในวังเพื่อเสวย และใช้ถวายพระสงฆ์ในประเพณีไทยต่าง ๆ เช่น งานประเพณีสงกรานต์ งานทำบุญตักบาตรเลี้ยงพระ เป็นต้น

มากไปกว่านั้นแล้วในสมัยก่อนพืชสมุนไพรหรือผลไม้ที่นำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่ม มักจะเก็บมาใช้ทันทีแบบสด ๆ ทำให้มีคุณค่าตามธรรมชาติ และได้รสชาติที่สดใหม่ แต่ในปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีและวิทยาการสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้กับการผลิตเครื่องดื่มสมุนไพร ทั้งยังแปรรูปเป็นเครื่องดื่มชนิดผงสำเร็จรูป พร้อมชงดื่มเพื่อความสะดวกของผู้บริโภคโดยที่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติ และสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายตามธรรมชาติควบคู่กันไป

เลือกสมุนไพรอย่างไรให้ปลอดภัยและได้คุณค่า
ขั้นตอนที่สำคัญไปไม่น้อยกว่าการเตรียมเครื่องดื่มสมุนไพร คือการเลือกสมุนไพร แต่จะมีวิธีการเลือกสมุนไพรอย่างไรให้ปลอดภัยและได้คุณค่า เราลองมาดูคำแนะนำเหล่านี้กันค่ะ
  • สมุนไพรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ สมุนไพรควรอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เจริญเติบโตเต็มที่ ไม่แคะแกร็น
  • สมุนไพรมีความสดใหม่ สมุนไพรต้องอยู่ในสภาพที่สดใหม่ ไม่มีรอยช้ำ ไม่มีรูเจาะหรือรอยบุบเหมือนถูกทิ้งไว้นาน
  • สมุนไพรมีความสุกพอดี สำหรับผักผลไม้บางชนิดจำเป็นต้องเก็บเกี่ยวในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามที่คุณต้องการ เนื่องจากความสุกมีผลต่อเนื้อสัมผัส รสชาติ และสารอาหารที่คุณจะได้รับค่ะ
นอกจากการเลือกสมุนไพรตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว องค์ประกอบสำหรับการทำเครื่องดื่มสมุนไพรที่สำคัญคือ น้ำ ซึ่งควรเป็นน้ำสะอาด ไม่ควรใช้น้ำประปาเนื่องจากน้ำประปาอาจมีโลหะหนักหรือสารเคมีปนเปื้อนได้ ดังนั้นคุณควรเลือกใช้น้ำกรองสะอาดสำหรับการนำมาต้มเครื่องดื่มสมุนไพรเท่านั้นนะคะ

วิธีทำเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพด้วยตนเอง
  1. การต้ม วิธีการต้มสามารถทำได้โดยการนำพืชสมุนไพรไปเคี่ยวให้เดือดร่วมกับน้ำจนอาจได้ออกมาเป็นเสมือนชาสมุนไพรพร้อมดื่ม เนื่องจากสมุนไพรบางชนิดเมื่อโดนความร้อน รสชาติ สีและกลิ่นจะออกมา เช่น มะตูม เก็กฮวย เป็นต้น
  2. การคั้นหรือบีบให้เป็นน้ำ วิธีนี้มักใช้กับพืชที่มีน้ำในตัวมากจนสามารถคั้นหรือบีบออกมาเป็นน้ำดื่มได้ เช่น มะนาว ส้ม เป็นต้น
  3. การบดหรือปั่นละเอียด เป็นวิธีที่ทำให้พืชผักผลไม้มีขนาดเล็กและละเอียด จนสามารถนำไปผสมกับน้ำต้มสุกเพื่อทำให้ความเข้นข้นของสมุนไพรชนิดนั้น ๆ เจือจางลงโดยการบดละเอียดสามารถทำได้หลายวิธี อาทิ การใช้มีดสับ การใช้เครื่องปั่นหรือเครื่องบด การโขลก ส่วนใหญ่วิธีดังกล่าวจะใช้กับพืชที่มีน้ำน้อย เช่น ขิง ข้าวโพด เป็นต้น

สำหรับวิธีข้างต้นอาจจะยังดูซับซ้อนไปสำหรับกลุ่มคนที่มองหาความสะดวกในการใช้ชีวิต ดังนั้นจึงมีผู้ผลิตในวงการอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มริเริ่มในการดัดแปลงและแปรรูปสมุนไพรให้กลายมาเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพชนิดพร้อมดื่มหรือชนิดสำเร็จรูปในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดบรรจุขวดหรือกระป๋อง เครื่องดื่มสมุนไพรชนิดผงบรรจุซองพร้อมชงเพื่อการเก็บรักษาไว้ได้นานยิ่งขึ้นโดยที่ยังคงคุณค่าตามธรรมชาติไม่แพ้สมุนไพรสดค่ะ

เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยในการลดน้ำหนักได้จริงหรือ ?
เครื่องดื่มสมุนไพรนั้นไม่ได้มีไว้แค่ดื่มเพื่อดับกระหายคลายร้อน แต่ยังมีคุณสมบัติทางยาและช่วยในการส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย ที่สำคัญคือวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ เริ่มมีการค้นพบหลักฐานงานวิจัยที่สนับสนุนการใช้สมุนไพรมากขึ้นเพราะประโยชน์ทางยาของสมุนไพรนั้นเป็นที่ยอมรับโดยกว้างและวิทยาศาสตร์ยุคใหม่ต่างให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าสมุนไพรบางชนิดอาจมีส่วนช่วยในการบำบัดหรือรักษาสภาวะทางการแพทย์บางอย่างได้ ตลอดจนการลดระดับคอเลสเตอรอลสูงที่อาจนำไปสู่ภาวะน้ำหนักเกินได้

ด้วยเหตุผลข้างต้น ผู้บริโภคบางกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพจึงเริ่มหันมาดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรแทนน้ำหวานหรือน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงอย่างจริงจัง แต่ยังมีกลุ่มผู้บริโภคที่ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นดื่มเครื่องดื่มสมุนไพรชนิดไหนดี เราจึงอยากชวนคุณมาดู 10 เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุภาพ ช่วยลดน้ำหนักไปพร้อม ๆ กันค่ะ

10 เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนัก



1. ชาเขียว (Green Tea)
ชาเขียว” เป็นหนึ่งในชาสมุนไพรที่คนไทยต่างคุ้นเคยและอาจเคยได้ลิ้มลองกันมาบ้าง โดยส่วนใหญ่มักอยู่ในรูปแบบผงบดสำหรับชงดื่มหรือที่เรียกกันว่ามัทฉะ แต่ชาเขียวที่เรากำลังกล่าวถึงในตอนนี้คือชาเขียวที่อยู่ในรูปแบบของใบชาที่ได้จากต้นชา (Camellia sinensis) ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นใบชาที่ผ่านกระบวนการอบแห้งหรือตากแห้งก่อนจะนำมาชงดื่ม

ชาเขียวถือเป็นชาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดชนิดหนึ่งเนื่องจากให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย และยังถูกจัดเป็นหนึ่งในชาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการลดน้ำหนักเพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นที่เชื่อมโยงว่าชาเขียวสามารถลดน้ำหนักและไขมันในร่างกายได้ เนื่องจากในชาเขียวมีสารคาเทชิน (Catechins) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติในปริมาณสูงจึงอาจมีส่วนช่วยในการกระตุ้นระบบเมตาบอลิซึมและอัตราการเผาผลาญไขมันให้แก่ร่างกายได้ในระยะสั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง ชาเขียวอาจสามารถช่วยลดระดับไขมันในร่างกายโดยเฉพาะไขมันชนิดไม่ดีได้เช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ชาเขียว ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญ เช่น คาเฟอีน (Caffeine) และอีพิแกลโลคาเทชินแกลเลต (Epigallocatechin gallate : EGCG) ซึ่งมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อระบบการเผาผลาญของร่างกายมนุษย์ อีกทั้งยังมีสารออกฤทธิ์ในชาเขียวที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มระดับฮอร์โมนที่มีหน้าที่เผาผลาญไขมันในร่างกาย และลำเลียงไขมันเข้าสู่กระแสเลือดมากขึ้นทำให้ร่างกายสามารถดึงมาใช้เป็นพลังงานได้ดี

นอกเหนือจากคุณสมบัติที่อาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักที่เรานำมาฝากกันข้างต้น ชาเขียวยังนับเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดของโลกเลยทีเดียว เพราะสรรพคุณอื่น ๆ ของชาเขียวในทางสุขภาพเนื่องจากชาเขียวนั้นมีส่วนช่วยในด้านการส่งเสริมระบบการทำงานของสมอง การลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เพิ่มโอกาสในการชะลอความเสื่อมของเซลล์สมอง การลดกลิ่นปาก การป้องกันโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือหากกล่าวโดยรวม การดื่มชาเขียวเป็นประจำอาจมีส่วนช่วยให้คุณมีอายุยืนยาวยิ่งขึ้นค่ะ



2. ชาดำ (Black Tea)
ชาดำ” เป็นผลผลิตที่ได้จากต้นชา (Camellia sinensis) หากนำมาทำเป็นชาชงดื่ม อาจนับได้ว่าชาดำเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลกไม่แพ้น้ำเปล่า เนื่องจากชาดำมีรสชาติเข้มข้น และให้คาเฟอีนมากกว่าชาชนิดอื่น ๆ แต่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับกาแฟ โดยสีเข้มของชาดำนั้นเกิดจากกระบวนการออกซิเดชั่นซึ่งเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อใบชาสัมผัสกับอากาศส่งผลให้ลักษณะใบเป็นสีน้ำตาลและเกิดเป็นสีเข้มของชาดำ นักดื่มชาส่วนใหญ่ต่างถูกใจกับความหลากหลายกลิ่นและรสชาติ เนื่องจากมักถูกนำมาผสมกับพืชชนิดอื่น ๆ จนเกิดเป็นชายอดนิยม เช่น ชาเอิร์ลเกรย์ ชาซีลอน ชาอัสสัม ชาดาร์จีลิง เป็นต้น

ชาดำอุดมไปด้วยสารอาหารไม่แพ้กับชาเขียวหรือชาขาวถึงแม้อาจมีความต่างออกไปเล็กน้อย เพราะชาดำอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่างฟลาโวนอยด์หรือที่รู้จักกันในชื่อ โพลีฟีนอล (Polyphenols) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น การลดน้ำหนัก นอกจากนี้โพลีฟีนอลในชาดำยังช่วยในการผลิตกรดไขมันสายสั้นในลำไส้ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มการเผาผลาญอย่างชัดเจน

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่าชาดำอาจมีประสิทธิภาพในการควบคุมน้ำหนัก ซึ่งงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ทำการศึกษาใน 111 คน พบว่า การดื่มชาดำสามถ้วยในแต่ละวันเป็นเวลาต่อเนื่อง 2 เดือนช่วยเพิ่มการลดน้ำหนักและลดรอบเอวได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับการดื่มเครื่องดื่มควบคุมคาเฟอีนในกลุ่มเดียวกัน นอกจากการลดน้ำหนักแล้วชาดำยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพในแง่อื่น ๆ เนื่องจากชาดำมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารสำคัญที่สามารถช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ อีกทั้งยังมีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าการดื่มชาดำอาจส่งผลดีต่อระดับน้ำตาลในเลือดและอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ได้ค่ะ

อีกหนึ่งเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับชาดำที่ผ่านการศึกษาโดยนักวิจัยจาก University College London ประเทศอังกฤษและได้รับการตีพิมพ์ในวารสารสุขภาพ Psychopharmacology นั่นคือ...สรรพคุณในการลดความเครียด เพราะชาดำมีส่วนช่วยในการลดความเครียดสะสมในแต่ละวันได้ดี แม้ว่าชาดำอาจไม่ได้ช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียดโดยตรง แต่ชาดำมีส่วนช่วยทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียดคืนสู่ระดับปกติได้ดี ขึ้นส่งผลให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียดได้เร็วกว่าปกติค่ะ



3. ชาขาว (White Tea)
จากที่ได้กล่าวถึงสรรพคุณของชาเขียวและชาดำไปแล้ว เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพลำดับที่ 3 คงจะไม่เป็นสมุนไพรชนิดอื่นไปไม่ได้นอกจาก “ชาขาว” หนึ่งในพี่น้องตระกูลชาไปไม่ได้ค่ะ เช่นเดียวกันกับชาเขียวและชาดำ ชาขาวมีแหล่งกำเนิดมาจากต้นชา (Camellia sinensis) แต่สิ่งที่แตกต่างและเป็นความโดดเด่นเหนือชาชนิดอื่น ๆ นั่นคือ การเก็บเกี่ยวในขณะที่ต้นชายังมีอายุน้อย อีกทั้งยังผ่านกระบวนการแปรรูปน้อยที่สุดโดยไม่มีการผ่านความร้อนหรือออกซิไดซ์ในการเตรียมชาเมื่อเทียบกับชาอื่น ๆ ชาขาวจึงเป็นชาที่มีรสชาติละเอียดอ่อน แฝงความหวาน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากเนื่องจากการผ่านกระบวนการน้อยที่สุด

แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะนึกถึงชาเขียวเมื่อนึกถึงสรรพคุณในการลดน้ำหนัก แต่จริง ๆ แล้ว ชาขาวมีปริมาณสารคาเทชินในปริมาณที่ใกล้กับชาเขียวเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีอีพิแกลโลคาเทชินแกลเลต (Epigallocatechin gallate : EGCG) ซึ่งเป็นสารประกอบที่มีความเชื่อมโยงกับระบบการเผาผลาญไขมัน จึงอาจกล่าวได้ว่าชาขาวจึงอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับชาเขียว

นอกจากนี้ชาขาวยังช่วยยับยั้งการสร้างเซลล์ไขมันใหม่หรือที่เรียกว่าแอดิโพไซต์ (Adipocyte) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเมื่อร่างกายสร้างเซลล์ไขมันใหม่ลดลง น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นก็ลดลงร่วมด้วย มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งซึ่งทำการศึกษาในหลอดทดลองที่ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากชาขาวช่วยเพิ่มการสลายตัวของเซลล์ไขมันในขณะเดียวกันยังช่วยป้องกันการสร้างเซลล์ไขมันใหม่ อย่างไรก็ดีงานวิจัยนี้เป็นแค่เพียงการศึกษาในหลอดทดลอง ผลสรุปจึงอาจยังไม่ชัดเจน และจำเป็นต้องมีการทดลองเพื่อหาข้อพิสูจน์เพิ่มเติมต่อไป

เครื่องดื่มสมุนไพรอย่างชาขวาไม่เพียงแต่ดีต่อระบบการเผาผลาญไขมันหรือเมตาบอลิซึมของร่างกาย แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ ปรับปรุงสุขภาพช่องปาก มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของการเกิดริ้วรอยบนผิวหนัง และอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ



4. ชาขมิ้น (Turmeric Tea)
ขมิ้น เป็นสมุนไพรที่ได้จากพืชยืนต้นซึ่งเติบโตในเอเชียและอเมริกากลาง การใช้สมุนไพรชนิดนี้มักนิยมใช้ส่วนเหง้า (ราก) ที่มีสีส้มเหลืองสดใส โดยคนส่วนใหญ่มักใช้ขมิ้นสดทำเป็นยา และใช้ขมิ้นบดผงเป็นเครื่องเทศปรุงรสอาหารเอเชีย เพราะรสชาติของขมิ้นนั้นมีรสขม แฝงความเผ็ดอุ่น จึงสามารถเติมรสชาติและสีสันให้โดดเด่นขึ้นมาทันที ในภายหลังคนทั่วไปเริ่มนำผงขมิ้นมาใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นมากขึ้น เช่น การทำเป็นสีย้อม หรือนำมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์ขมิ้นชันที่มีจำหน่ายทั่วไป แต่วันนี้เราจะมาบอกเล่าประโยชน์ของการนำขมิ้นมาชงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรลดน้ำหนักกันค่ะ

เมื่อกล่าวถึงขมิ้นแล้ว เราคงจะลืมกล่าวถึงสารออกฤทธิ์ที่มีอยู่ในขมิ้นไปไม่ได้เลยทีเดียวเชียว สารออกฤทธิ์ที่ว่านั้นคือ เคอร์คูมิน (Curcumin) ที่จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีคุณสมบัติทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพจนได้รับการแนะนำโดยการแพทย์อายุรเวชของอินเดียให้นำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ทางยา เคอร์คูมินนั้นมีส่วนช่วยยับยั้งการอักเสบของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ตลอดจนถึงตับอ่อน ไขมัน และกล้ามเนื้อ กระบวนการดังกล่าวจะช่วยยับยั้งภาวะดื้อต่ออินซูลิน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงและสภาวะการเผาผลาญอื่น ๆ ที่มาพร้อมกับโรคอ้วน และเมื่อร่างกายไม่สามารถต่อสู้หรือรับมือกับการอักเสบของอักเสบ จึงอาจเป็นเรื่องง่ายที่จะหันมามุ่งเน้นในเรื่องของการลดน้ำหนัก

สำหรับการลดน้ำหนักอย่างมีสุขภาพดี สุขภาพของระบบทางเดินอาหารย่อมมีบทบาทสำคัญไม่น้อย ขมิ้นจัดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยาที่เชื่อมโยงกับระบบทางเดินอาหารเป็นอย่างดี เพราะสมุนไพรชนิดนี้มีส่วนช่วยในการปรับปรุงระบบย่อยอาหาร ลดการอักเสบของลำไส้ ส่งผลให้ร่างกายสามารถดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น และบางงานวิจัยยังชี้ว่าขมิ้นอาจยังใช้รักษาอาการลำไส้แปรปรวนได้ (Irritable Bowel Syndrome : IBS)

นอกจากสรรพคุณดี ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลดน้ำหนักที่เรายกมาข้างต้นแล้ว สรรพคุณทางยาของขมิ้นยังมีอีกมากมายที่ทางการแพทย์สากลได้ให้ข้อมูลไว้ เช่น การใช้บรรเทาอาการปวดและการอักเสบเช่น โรคข้อเข่าเสื่อม การใช้รักษาภาวะซึมเศร้า ตลอดจนถึงสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ อีกมากมายที่ยังจำเป็นต้องได้รับการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต



5. น้ำขิง หรือชาขิง (Ginger Tea)
ยืนหนึ่งด้วยความมีเอกลักษณ์ของรสชาติและกลิ่นที่ได้จากส่วนแก่นเหง้าหรือราก สมุนไพรที่เรากำลังจะกล่าวถึงนั่นคือ “ขิง” หนึ่งในสมุนไพรที่มีชื่อเสียงของโลก ขิงเป็นไม้ดอกตระกูลใกล้ชิดกับขมิ้นและข่า มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอกลักษณ์ของสมุนไพรชนิดนี้อยู่ที่รสชาติเผ็ดร้อนแบบกำลังดี และกลิ่นอโรมาที่เป็นเอกลักษณ์ ชาวไทยและชาวต่างชาติจึงมักนำขิงมาใช้เป็นเครื่องเทศหรือส่วนผสมในการปรุงอาหาร เพราะไม่เพียงแต่ดีต่อสุขภาพ ยังมีรสชาติอร่อยอีกด้วย ในยุคปัจจุบันขิงถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง อุตสาหกรรมยา และอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป ซึ่งผลิตภัณฑ์ขิงแปรรูปที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ คือ ขิงผงสำเร็จรูปที่ใช้ชงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพหรือน้ำขิงค่ะ

การรับประทานขิงสดหรือดื่มน้ำขิงอาจมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักได้ เพราะ 2 สารออกฤทธิ์สำคัญในน้ำมันหอมระเหยที่สกัดได้จากขิงอย่าง จินเจอร์รอล (Gingerols) และ โชกาออล (Shogaols) มีกลไกการออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญเมื่ออยู่ในร่างกายมนุษย์ ซึ่งมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้ที่รับประทานขิงมีความอิ่มนานขึ้นเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับประทานขิง จินเจอร์รอลในขิงยังมีส่วนช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารได้เร็วขึ้นและมีการย่อยผ่านลำไส้ได้อย่างรวดเร็ว ที่สำคัญขิงยังมีส่วนช่วยในการลดไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง (อัตราส่วนเอวต่อสะโพก) อีกด้วยค่ะ

ถึงแม้ว่าบางงานวิจัยอาจไม่ได้ระบุไว้ว่าคุณสมบัติของขิงจะช่วยลดน้ำหนักส่วนเกินโดยตรง แต่ขิงนั้นจะช่วยป้องกันความเครียดและการอักเสบที่เกิดขึ้นจากโรคอ้วน โดยขิงอาจมีส่วนช่วยในการป้องกันความเสียหายของหัวใจและหลอดเลือดจากภาวะน้ำหนักเกินในระหว่างที่คุณต้องการควบคุมน้ำหนักหรือวางเป้าหมายในการลดน้ำหนักอยู่ ไม่เพียงแต่การออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีงานวิจัยที่เชื่อถือได้ชี้ให้เห็นว่า จินเจอร์รอล อาจมีส่วนช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณคงที่ ซึ่งการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่อาจเป็นกุญแจสำคัญในการลดน้ำหนักเช่นกัน

สำหรับสรรพคุณด้านการลดน้ำหนักข้างต้นนี้อาจเป็นส่วนหนึ่งของสรรพคุณทางยาที่ได้จากสมุนไพรชนิดนี้ แต่การรับประทานขิงหรือดื่มน้ำขิง คุณยังจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญและสารหารอื่น ๆ อีกมากมายที่อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันหรือรักษาอาการอักเสบของร่างกาย เช่น โรคข้ออักเสบ การบรรเทาอาการติดเชื้อประเภทต่าง ๆ รวมไปถึงการลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน มะเร็ง และสภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ  ดังนั้นการรับประทานขิงสด หรือเลือกดื่มน้ำขิงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรลดน้ำหนักอาจช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักและมีสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กันค่ะ



6. ชาซินนามอน หรือชาอบเชย (Cinnamon Tea)
ซินนามอน” คืออะไร ? ทางเราต้องขออธิบายก่อนค่ะว่า...ซินนามอนและอบเชยที่คนไทยนิยมนำมาปรุงรสต้มพะโล้คือสิ่งเดียวกันค่ะ อบเชยเป็นสมุนไพรหรือเครื่องเทศที่ได้มาจากเปลือกด้านในของต้นไม้ในตระกูล Cinnamomum ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในทะเลแคริบเบียนอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขนาดเล็ก โดยเปลือกไม้จะถูกปอกเปลือกและตากแดดให้แห้งสนิทจนเปลือกมีลักษณะม้วนเป็นม้วน เรียกได้ว่า แท่งอบเชย นอกจากอบเชยจะอยู่ในรูปแท่งแล้ว ยังมีการแปรรูปอบเชยในรูปแบบน้ำมันหอมระเหย และรูปแบบผงสำหรับการใช้เป็นเครื่องเทศและชงดื่มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพเช่นกัน

อบเชยเป็นเครื่องเทศที่มีกลิ่นหอม ช่วยเพิ่มรสชาติที่แตกต่างให้แก่อาหารคาวหวานและเครื่องดื่มได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่ช่วยให้รสชาติของอาหารโดดเด่นแล้ว หากคุณนำอบเชยมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่มชาอบเชยที่มีแคลอรี่ต่ำสำหรับดื่มเป็นประจำ ชาอบเชยอาจมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคุณ ทำให้ร่างกายของคุณได้รับแคลอรี่น้อยลง และป้องกันไม่ให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ไม่เพียงเท่านั้นการรับประทานอบเชยเป็นประจำอาจช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิผลยิ่งขึ้นซึ่งในระยะยาวอาจส่งผลดีต่อการลดไขมันสะสมในช่องท้องร่วมด้วย

หนึ่งในงานวิจัยเกี่ยวกับอบเชยเมื่อปี ค.ศ. 2017 ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Metabolism: Clinical and Experimental ระบุไว้ว่า ซินนามัลดีไฮด์ (Cinnamaldehyde) สารประกอบทางเคมีสำคัญที่ทำให้อบเชยมีรสชาติเฉพาะตัวอาจช่วยให้เซลล์ไขมันของมนุษย์และหนูทดลองเผาผลาญพลังงานได้ แต่เซลล์ไขมันที่นำมาทดลองนั้นได้มาจากการดูดไขมันออกจากร่างกายของมนุษย์หรือหนู แล้วจึงค่อยได้รับสารซินนามัลดีไฮด์ ผลสรุปงานวิจัยจึงยังจำเป็นต้องมีการพิสูจน์เพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ตามหากคุณลองดื่มเครื่องสมุนไพรที่ทำจากอบเชย คุณยังจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระโดยเฉพาะสารโพลิฟีนอลในปริมาณสูงมาก เพราะหากเปรียบเทียบอบเชยกับสมุนไพรหรือเครื่องเทศที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ อบเชยจัดว่าเป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงเป็นอันดับที่ 3 ด้วยเหตุนี้ดวแคุณอาจใช้อบเชยเป็นสารต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติเพื่อป้องกันการเกิดออกซิเดชันของไขมันที่ไม่ต้องการในอาหาร ในขณะที่ยังจะได้รับประโยชน์ทางสุขภาพอื่น ๆ จากอบเชยด้วยเช่นกันค่ะ



7. ชาเลมอนบาล์ม (Lemon balm tea)
ก่อนอื่นทางเราต้องอธิบายก่อนว่า “เลมอนบาล์ม” ไม่ได้มีความเชื่อมโยงอะไรกับผลมะนาวสีเหลืองหรือเลมอน แต่เลมอนบาล์มเป็นพืชสมุนไพรยืนต้นที่อยู่ในตระกูลมิ้นต์ ใบมีกลิ่นหอมมะนาวอ่อน ๆ ลักษณะใบของเลมอนบาล์มมีความคล้ายคลึงกับสะระแหน่เวียดนามเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าสมุนไพรชนิดนี้อาจยังไม่เป็นที่รู้จักเป็นวงกว้างในประเทศไทย แต่ทางเราขอบอกเลยค่ะว่าเลมอนบาล์มเป็นสมุนไพรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะเลมอนบาล์มเป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ช่วยฟื้นคืนความอ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้าของจิตใจ สมุนไพรชนิดนี้จึงมักถูกนำมาใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ และในแง่ของการบำรุงสุขภาพโดยทั่วไปนั้น ชาเลมอนบาล์มเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่มักได้รับการแนะนำมากที่สุด

นอกจากสรรพคุณในการลดความเครียด เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกายแล้ว ชาเลมอนบาล์มยังเป็นเครื่องดื่มที่แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพทางเดินอาหารโดยเฉพาะระบบการย่อยอาหาร เนื่องจากชาเลมอนบาล์มมีส่วนช่วยในการเร่งกระบวนการย่อยอาหาร และช่วยให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้อย่างทันท่วงที ที่สำคัญยังช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนที่ผิดปกติที่ทำให้คุณรู้สึกผิวบ่อย ด้วยเหตุผลนี้ ชาเลมอนบาล์มจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ดูแลน้ำหนักหรือต้องการเริ่มต้นควบคุมน้ำหนัก

สรรพคุณของชาเลมอนบาล์มที่น่าสนใจและมีงานวิจัยรองรับอีกหนึ่งด้านคือสรรพคุณในการลดความเสียหายของไขมันและดีเอ็นเอ งานวิจัยดังกล่าวมีการทดลองในผู้ที่ทำงานด้านรังสีวิทยาที่ดื่มชาเลมอนบาล์มวันละสองครั้งติดต่อกันเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน ผลการวิจัยพบว่าชาเลมอนบาล์มมีส่วนช่วยในการเพิ่มเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระตามธรรมชาติของร่างกายซึ่งช่วยปกป้องร่างกายจากความเสียหายของเซลล์และดีเอ็นเอจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น

ด้วยการออกฤทธิ์ในด้านการผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายจากความอ่อนเพลีย การดื่มชาเลมอนบาล์มมีส่วนช่วยในการลดระดับความเครียด ในขณะที่ยังช่วยส่งเสริมการนอนหลับที่มีประสิทธิภาพที่เป็นกุญแจสำคัญในการควบคุมน้ำหนัก ตลอดจนถึงการส่งเสริมสุขภาพผิวและเส้นผม จึงอาจนับได้ว่าชาเลมอนบาล์มเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพความงามเลยทีเดียวค่ะ



8. ชามัทฉะ (Matcha Tea)
มัทฉะ” ที่คนไทยนิยมเรียกว่าชาเขียวกันจนติดปาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว ชามัทฉะนั้นมีความแตกต่างจากชาเขียวค่ะ ถึงแม้ว่ามัทฉะจะมีต้นกำเนิดมาจากต้นชา Camellia sinensis เช่นเดียวกันกับชาเขียว ชาดำ และชาขาว แต่ความแตกต่างนั้นอยู่ที่กระบวนการปลูกที่ต้นชานั้นจะถูกปลูกในพื้นที่ร่มหรืออาจมีการบดบังต้นชาจากแสงแดดเป็นระยะเวลาประมาณ 20-30 วันก่อนการเก็บเกี่ยว ซึ่งกระบวนการนี้จะทำให้ระดับคลอโรฟิลล์เพิ่มขึ้นส่งผลให้ใบของต้นชามีสีเขียวเข้มขึ้น จากนั้นเมื่อมีการเก็บเกี่ยว ใบชาจะถูกบดด้วยโม่หินจนเป็นผงละเอียดสีเขียวก่อนจะนำไปใช้ประกอบอาหารหรือชงเป็นเครื่องดื่ม หรืออาจเก็บเกี่ยวทั้งใบแล้วค่อยนำมาบดดื่มสด ๆ

โดยปกติแล้ว ชามัทฉะในท้องตลาดที่เรามักพบเจอจะเป็นชามัทฉะที่ผ่านการแปรรูปมาในรูปแบบผงเสมอเพราะสะดวกต่อการชงดื่ม ที่สำคัญควบคุมปริมาณของเครื่องดื่มได้ง่าย คุณสามารถนำผงมัทฉะมาชงดื่มเป็นเครื่องดื่มสุขภาพที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้น หรือหากใครชอบรสชาติที่ละมุนลิ้นยิ่งขึ้น อาจเติมนมสดเพื่อให้ได้เป็นมัทฉะลาเต้ที่มีรสชาติละมุนลิ้น หอมกลิ่นนมยิ่งขึ้น

สำหรับปริมาณคาเฟอีนหากเทียบระหว่างมัทฉะกับชาเขียวนั้น ในมัทฉะจะมีปริมาณคาเฟอีนที่สูงกว่าชาเขียวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้มัทฉะยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่พบได้ในชาเขียวอย่าง อีพิแกลโลคาเทชินแกลเลต (Epigallocatechin gallate : EGCG) ซึ่งมีส่วนช่วยในการกำจัดสารพิษในร่างกาย และลดการอักเสบของระบบภายในร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม

ในแง่ของการลดน้ำหนัก มัทฉะนับว่ามีประสิทธิภาพและได้ผลดีกว่าชาเขียวเนื่องจากกระบวนการแปรรูปที่ต่างกัน ที่สำคัญชามัทฉะนั้นมีแคลอรี่ต่ำมาก (1 กรัม – 3 แคลอรี่) มัทฉะจึงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรทางเลือกที่คุณควรพิจารณาไว้ในลิสต์เครื่องดื่มแคลอรี่ต่ำหากคุณต้องการลด ละ เลิกการดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรือน้ำหวาน มากไปกว่านั้นยังมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับมัทฉะที่คนสายฟิตรักการออกกำลังกายไม่ควรพลาดคือ สรรพคุณในการเพิ่มหรือเร่งการเผาผลาญไขมันเนื่องจากสารคาเทชิน (Catechins) ที่มีมัทฉะช่วยส่งเสริมอัตราการเผาผลาญระหว่างการออกกำลังกายและหลังการออกกำลังกายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ



9. ชารอยบอส หรือชาแดง (Rooibos Tea)
สำหรับผู้ที่รักการดื่มชา แต่ต้องการลดหรือเลี่ยงคาเฟอีน “ชารอยบอส” หรือ “ชาแดง” คือเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีค่ะ ชารอยบอสเป็นชาสมุนไพรที่ไม่เกี่ยวข้องกับชาเขียว ชาดำ หรือชาขาว เพราะชาชนิดนี้เก็บเกี่ยวได้จากไม้พุ่ม Aspalathus linearis ซึ่งนิยมปลูกในทวีปแอฟริกาใต้ จากนั้นจึงทำการหมักใบและกิ่งจนกลายเป็นสีน้ำตาลแดง ความพิเศษของชารอยบอสคือ รสชาติที่มีความละเอียดอ่อน หอมกลิ่นดินแบบธรรมชาติ ด้วยความแตกต่างที่มีเอกลักษณ์เหล่านี้ทำให้ชารอยบอสจึงได้รับความนิยมไม่แพ้ชาชนิดอื่น ๆ ในท้องตลาดเลยค่ะ

ชารอยบอสไม่เพียงแต่จะปราศจากคาเฟอีน แต่ยังไม่มีแคลอรี่อีกด้วย ดังนั้นชารอยบอสจึงเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก สรรพคุณในด้านการลดน้ำหนักที่น่าสนใจของชารอยบอสคือ การระงับการสร้างเซลล์ไขมันใหม่และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เร็วขึ้น มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่รองรับข้อเท็จจริงในด้านสรรพคุณของชารอยบอสต่อการลดน้ำหนัก งานวิจัยนี้ทำการทดลองเมื่อปี ค.ศ. 2014 โดยสรุปผลวิจัยดังกล่าวได้ว่า ชารอยบอสอาจเป็นประโยชน์ต่อการควบคุมน้ำหนัก เพราะชารอยบอสช่วยเพิ่มฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จะทำหน้าที่ควบคุมความอยากอาหารโดยการส่งสัญญาณไปยังสมองว่าร่างกายได้รับอาหารในปริมาณที่เพียงพอแล้ว

นอกจากคุณสมบัติด้านการลดน้ำหนัก ชารอยบอสนั้นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง แอสพาลาธิน (Aspalathin) และ โนโธฟากิน (Nothofagin) ซึ่งทำหน้าที่ในการกำจัดอนุมูลอิสระของออกซิเจนที่เป็นอันตรายและมีแนวโน้มที่จะทำลายเซลล์ดีเอ็นเอในร่างกาย มากไปกว่านั้นสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ยังมีส่วนช่วยในการปรับระดับความสมดุลของน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย ชารอยบอสจึงอาจเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพทางเลือกสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานด้วยค่ะ

ถึงแม้ว่าชารอยบอสอาจไม่ได้อุดมไปด้วยแร่ธาตุหรือวิตามินที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่สรรพคุณของชาชนิดนี้นับว่าดีไม่แพ้ชาชนิดอื่น ๆ เลยค่ะ เพราะสารต้านอนุมูลอิสระในชารอยบอสอย่างโพลิฟีนอลยังช่วยต้านและลดระดับความเครียดได้ ทั้งยังลดอาการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และภาวะทางสุขภาพอื่น ๆ



10. ชาสมุนไพร (Herbal Tea)
ชาสมุนไพร หรือ ชาชงสมุนไพร เป็นเครื่องดื่มที่มีประวัติมาอย่างยาวนาน เพราะจุดกำเนิดของชาชนิดนี้ได้จากการต้มหรือแช่สมุนไพร เครื่องเทศและผลไม้ในน้ำร้อน โดยอาจใช้ส่วนต่าง ๆ ของพืชเหล่านั้น เช่น ดอกไม้ ใบ เปลือก เมล็ด ราก ความแตกต่างของชาสมุนไพรจากชาชนิดอื่นคือชาชนิดนี้ไม่มีคาเฟอีน และไม่ได้ทำจากใบของต้นชา Camellia sinensis ซึ่งชาชนิดนี้อาจได้จากการใช้สมุนไพรเพียงชนิดเดียว หรือมากกว่าสองชนิดขึ้นไปมาผสมผสานกันตามความชอบของผู้ดื่มและสรรพคุณที่มองหา ชาสมุนไพรบางชนิดอาจมีส่วนช่วยในการนอนหลับ บ้างช่วยในด้านการผ่อนคลาย หรือแม้แต่ชาสมุนไพรที่ช่วยในการระบายก็ได้รับความนิยมเช่นกัน

ถึงแม้ว่าต้นกำเนิดของชาสมุนไพรนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล แต่ในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ชาสมุนไพรได้รับความนิยมมากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากรสชาติที่ถูกใจนักดื่มชา และประโยชน์ต่อสุขภาพองค์รวม การเลือกดื่มชาสมุนไพรเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอาจเป็นสิ่งแนวทางที่น่าสนใจในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติ

แม้ส่วนผสมและสูตรของชาสมุนไพรแต่ละสูตรจะมีความแตกต่างกันออกไป แต่สรรพคุณส่วนที่โดดเด่นของชาสมุนไพรส่วนใหญ่นั้นคือ ด้านการชะลอวัย เนื่องจากพืชสมุนไพรส่วนใหญ่มีสารออกฤทธิ์ที่ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณมาก จึงมีส่วนช่วยในการยับยั้งหรือต้านความเสื่อมสภาพและต้านการอักเสบของเซลล์ในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการดีท็อกซ์หรือขับสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกายได้อีกด้วย

สำหรับสรรพคุณในด้านการควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนัก มีงานวิจัยบางชิ้นพบว่าชาสมุนไพรอาจช่วยลดน้ำหนักและลดไขมันได้เช่นเดียวกัน โดยมีการศึกษาหนึ่งที่นักวิจัยทำการทดลองในหนูที่เป็นโรคอ้วนด้วยการให้หนูเหล่านั้นดื่มชาสมุนไพร ผลการวิจัยพบว่า ชาสมุนไพรช่วยลดน้ำหนักตัวและช่วยปรับฮอร์โมนให้อยู่ในระดับปกติ จึงอาจสรุปได้ว่า ชาสมุนไพรหรือชาชงสมุนไพรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่คุณไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียวค่ะ

10 เครื่องดื่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ช่วยลดน้ำหนักที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ถือเป็นทางเลือกธรรมชาติที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและควบคุมน้ำหนัก แต่เพื่อผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว โปรดอย่าลืมที่จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายกันเป็นประจำกันนะคะ
แชทผ่านไลน์ @Liveandfit