สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หรือ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
หรือเข้าสู่ระบบด้วย
หรือ
สั่งซื้อทันทีโดยไม่สมัครสมาชิก
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
ตะกร้าสินค้า
รายการสินค้าที่สั่งซื้อ
ยังไม่มีคำสั่งซื้อ
แนะนำสำหรับคุณ
PRODUCTS
CUSTOMER SERVICE
ABOUT US
PROMOTION
REWARDS
HELPING
เปลี่ยนเครื่องปรุงในบ้าน ให้เป็นห้องครัวสายคลีน
เปลี่ยนเครื่องปรุงในบ้าน ให้เป็นห้องครัวสายคลีน

เทรนด์รักสุขภาพยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “สายคลีน” จะให้ความสําคัญในเรื่องของอาหารมากที่สุด โดยอาหารที่เลือกรับประทานจะต้องมีคุณภาพ ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ซึ่งกระแสการกินคลีนนี้มีความหลากหลายที่คุณอาจรู้หรือไม่ว่า การกินคลีนคืออะไร กินแค่ไหนถึงเรียกว่าคลีน

อาหารคลีน คือ อาหารที่ใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากธรรมชาติเท่านั้น เริ่มจากการรับประทานแบบสด ๆ ตามธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งใด ๆ เลย หรือไม่ก็ผ่านการปรุงสุกแบบไม่ใส่เครื่องปรุงเลย เช่น ตุ๋น ต้ม นึ่ง อบ จี่ ย่าง หรือปรุงแต่งน้อยที่สุด ไม่ผ่านการใส่สารเคมีต่าง ๆ เป็นอาหารที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด หรือไม่แปรรูปเลยคือสุดคลีน

(อาหาร ผัด-ทอด ไม่ถือว่าเป็นอาหารคลีน เพราะการทอดต้องนำอาหารไปผ่านความร้อนเป็นเวลานาน อาจทำให้อาหารเสียคุณค่าทางโภชนาการ และอาจเกิดสารอันตรายบางอย่างขึ้นในระหว่างทอดอีกด้วย แต่อาหารคลีนที่อนุญาตให้ใช้น้ำมันได้ก็เพียงแค่การใช้สเปรย์น้ำมันมะกอกเคลือบผิวบาง ๆ แล้วเอาไปจี่ในกระทะร้อน โดยไม่ทำให้รสชาติดั้งเดิมของวัตถุดิบเสียเท่านั้น)

เวลารับประทานอาหารคลีน จะรับประทานเป็นมื้อเบา ๆ ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่งจะถูกแบ่งออกเป็น 6 มื้อ โดยจะรับประทานทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ พร้อมทั้งการดื่มน้ำในปริมาณ 2-3 ลิตรต่อวัน หลีกเลี่ยงอาหารประเภทของหวาน น้ำตาล ไขมันที่ไม่ดี และแอลกอฮอล์ เช่น น้ำหวาน ของทอด ขนมหวานต่าง ๆ ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไม่ขัดสี โปรตีนไขมันต่ำ ไขมันที่ดี เน้นเครื่องปรุงที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ

ข้อห้ามเด็ดขาดของการกินอาหารคลีน คือการ ลด ละ เลี่ยง อาหารที่ปรุงรสหวานโดยเด็ดขาด เพราะอาหารคลีนจะไม่ใช้น้ำตาลเป็นส่วนประกอบเลย แต่จะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติที่ให้ความหวานแทน เช่น น้ำผึ้ง อบเชย ใบหญ้าหวาน และยังคงใช้ในปริมาณที่เหมาะสมอีกด้วย ส่วนอาหารคลีนประเภทโปรตีนจะเป็นการใช้เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เน้นเนื้อสีขาว เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่ เพราะเป็นลักษณะของเนื้อไขมันต่ำ หรืออาหารทะเล และพืชตระกูลถั่ว [1]

สายเฮลตี้หลายคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้และกำลังตัดสินใจจะกินคลีนอาจเข้าใจผิดคิดว่า การกินคลีนต้องกินแต่อาหารรสชาติจืดเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วเราสามารถมีความสุขกับอาหารคลีนที่มีรสชาติอร่อยได้ แค่เพียง “เปลี่ยนเครื่องปรุงในบ้านให้เป็นห้องครัวสายคลีน เลือกใช้เครื่องปรุงรสสำหรับอาหารคลีน” ปรุงเพิ่มเติมเพียงแค่เล็กน้อย ก็มีส่วนช่วยเพิ่มอรรถรสในการกินอาหารคลีนให้อร่อยยิ่งขึ้น อีกทั้งเครื่องปรุงรสสำหรับอาหารคลีนยังดีต่อสุขภาพมากกว่าเครื่องปรุงทั่วไป เรามาทำความรู้จักเครื่องปรุงรสสำหรับอาหารคลีนกับ LiveandFit ว่าตอบโจทย์สายรักสุขภาพที่ชื่นชอบความอร่อยของรสชาติอาหาร เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม กันนะคะ
 

1. เลือกปรุงรสแบบ Low Sodium ที่ลดปริมาณเกลือโซเดียมลง
เครื่องปรุงรสสำหรับอาหารคลีนจะเป็นสูตร Low Sodium ทางเลือกของสายกินคลีนที่ไม่ว่าจะเป็นเกลือบริโภคเสริมไอโอดีน น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสหอยนางรม หรือผงปรุงรสอาหาร โดยสูตร Low Sodium นี้จะเป็นการลดปริมาณเกลือโซเดียมลงประมาณ 40 - 70% เมื่อเทียบกับเครื่องปรุงรสแบบทั่วไป (องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าควรบริโภคโซเดียม ไม่เกิน 2,000 มก./วัน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCD's) เช่น โรคหัวใจ, หลอดเลือด ฯลฯ)

เครื่องปรุงรสสำหรับอาหารคลีนสูตร Low Sodium จะใช้เกลือโพแทสเซียมมาให้ความเค็มทดแทนเกลือโซเดียม เพื่อคงรสชาติความเค็มเอาไว้ แต่ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เครื่องปรุงรสชาติกลุ่ม Low Sodium นี้ จึงเป็นทางเลือกของการเปลี่ยนเครื่องปรุงในบ้านให้เป็นห้องครัวสายคลีนสำหรับผู้ที่ต้องการกินคลีน

ข้อควรระวัง: เครื่องปรุงประเภทนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไต, โรคหัวใจบางชนิด, ผู้ที่กินยาความดันโลหิตที่มีผลต่อการขับโพแทสเซียม หากมีโรคประจำตัวดังกล่าว ให้ลองลดปริมาณการใช้ลงหรือเลือกสูตรที่ลดโซเดียมและไม่มีการเติมโพแทสเซียมแทนจะดีกว่า

 
2. ปรุงรสหวานให้อาหารคลีนด้วยผลิตภัณฑ์ให้ความหวานแทนน้ำตาล
ใบหญ้าหวานสกัด และ ซูคราโลส เป็นสารให้ความหวานยอดนิยมที่ต้องมีติดบ้านคู่ครัวสายคลีน สำหรับปรุงทุกเมนูอาหารและเครื่องดื่มให้มีรสชาติหวานอร่อย สุขภาพดีได้แบบไร้น้ำตาล

ใบหญ้าหวานสกัด สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่สกัดจากใบหญ้าหวาน (สตีเวีย) ที่ให้ความหวานจากใบหญ้าหวานธรรมชาติ 100% (ใบหญ้าหวาน มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 15 เท่า แต่ใบหญ้าหวานสกัด ให้รสหวานกว่าน้ำตาลทรายถึง 300 เท่า แต่ไม่ให้พลังงาน (0 แคลอรี่) ใบหญ้าหวานสกัดสามารถนำมาปรุงอาหารบนเตาร้อน ๆ ได้ นิยมนำมาปรุงเพิ่มรสชาติความหวานให้กับเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจาก สะดวก ง่าย ปริมาณการใช้งานเทียบเท่ากับน้ำตาลทรายช้อนต่อช้อน หรือสำหรับปรุงอาหารในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ซูคราโลส สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่สกัดจากอ้อยหรือการสังเคราะห์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์การอาหาร ให้มีรสชาติหวานเหมือนน้ำตาลทราย แต่ไม่ให้พลังงาน (0 แคลอรี่) สามารถนำซูคราโลสมาใช้ปรุงอาหารบนเตาที่มีความร้อนสูงได้ ยังคงให้รสหวานเหมือนน้ำตาล (รสชาติไม่เปลี่ยน ไม่มีรสฝาดรสเฝื่อนติดลิ้น) ละลายน้ำได้ดี ไม่เหมือนน้ำตาลเทียมที่ใส่ได้เฉพาะกาแฟ อีกทั้งปริมาณในการใช้ซูคราโลส ยังใช้ง่าย ตักซูคราโลสปรุง เทียบเท่ากับน้ำตาลทรายช้อนต่อช้อน ทำให้สะดวก เหมาะแก่การใช้ปรุงอาหารในครัวเรือน ที่สำคัญ ซูคราโลสปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานอีกด้วย
 
 

3. เลือกน้ำมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
จริง ๆ แล้ว สายคลีนต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง แต่ร่างกายก็ยังคงต้องการไขมันชนิดดีอยู่ จึงควรเลือกใช้น้ำมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย เช่น

น้ำมันดอกคำฝอย, น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันดอกพริมโรส, น้ำมันจากปลาทะเลน้ำลึก (ปลาทูน่า ปลาซาดีน) อุดมไปด้วย Omega 3 หรือ n-3 PUFA ที่มีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ลดการอักเสบในร่างกาย และลดไตรกลีเซอไรด์ [3] [4]

น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันรำข้าว, น้ำมันคาโนล่า ถั่วเปลือกแข็งต่าง ๆ อุดมไปด้วย Omega 6 หรือ n-6 PUFA ที่มีส่วนช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ เสริมสร้างการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต และช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) ช่วยรักษาโครงสร้างของเซลล์ผิวหนัง [3] [4]

น้ำมันมะกอก, น้ำมันเมล็ดทานตะวัน, น้ำมันคาโนล่า, น้ำมันงา อุดมไปด้วย Omega 9 หรือ MUFA's ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง หัวใจ และหลอดเลือด ช่วยลดโคเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL-Cholesterol) และไตรกลีเซอไรด์ [3]

และเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เนื่องจากกรดไขมันจะมีพลังงานที่สูง ดังนั้นหากรับประทานไขมันในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานในแต่ละวันมากเกินความจำเป็น ซึ่งอาจส่งผลต่อการมีน้ำหนักส่วนเกินได้

มาเปลี่ยนเครื่องปรุงในบ้านให้เป็นห้องครัวสายคลีนกันนะคะ
 
ที่มา:
[1] กินคลีนอย่างไรให้ถูกวิธี / RAMA CHANNEL ขับเคลื่อนสังคมไทยให้สุขภาพดี
[2] อะไรคือ Clean Food? กิน “คลีน” กินอย่างไร
[3] 10 อันดับ เครื่องปรุงอาหารคลีน มีอะไรบ้าง ปี 2023 ตอบโจทย์สายรักสุขภาพ
[4] กรดไขมันไม่อิ่มตัว โอเมก้า-3 และ โอเมก้า-6
แชทผ่านไลน์ @Liveandfit