สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หรือ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
หรือเข้าสู่ระบบด้วย
หรือ
สั่งซื้อทันทีโดยไม่สมัครสมาชิก
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
ตะกร้าสินค้า
รายการสินค้าที่สั่งซื้อ
ยังไม่มีคำสั่งซื้อ
แนะนำสำหรับคุณ
PRODUCTS
CUSTOMER SERVICE
ABOUT US
PROMOTION
REWARDS
HELPING
ยืดอายุสายตา ไม่ให้เสื่อมก่อนวัย
ยืดอายุสายตา ไม่ให้เสื่อมก่อนวัย

อวัยวะทุกส่วนในร่างกายล้วนสำคัญ แต่หากไม่มีดวงตาคู่งาม โลกใบนี้คงมีแต่กลางคืนหรือความมืดมิด เพราะการลืมตาเพื่อมองเห็น ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญต่อการใช้ชีวิตที่ควรดูแลรักษาดวงตาให้คงสภาพดีอยู่เสมอ แต่ดวงตามีความละเอียดอ่อน เปราะบาง และเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพจากหลายปัจจัย

โดยปกติแล้วตอนอายุยังน้อย จอประสาทตาทำหน้าที่รับภาพได้ดี แต่พออายุเริ่มเข้าวัย 40 ปี และต่อจากนั้นทุกปี จอประสาทตาจะเริ่มเกิดภาวะเซลล์เสื่อมในส่วนของเซลล์รับภาพของดวงตาหรือถูกทำลายไปเอง ในบางคนเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม หรือโรคจุดรับภาพเสื่อม (Age – Related Macular Degeneration : AMD) เกิดจากการเสื่อมตามอายุ ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งการทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ การติดโทรศัพท์มือถือ การพบเจอมลภาวะจำพวก ฝุ่น ควัน ความร้อนและแสงแดด

ยิ่งในปัจจุบันนี้ดวงตาของเรามีความเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพจากการทำงานมากขึ้น เช่น การอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แทบจะเกินครึ่งหนึ่งของชีวิต รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่ทำให้ดวงตาต้องสัมผัสกับ Blue Light หรือ แสงสีฟ้า คลื่นพลังงานที่มากับแสงจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และมีพลังงานสูงใกล้เคียงกับรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่มีส่วนในการทำลายเซลล์รับแสงในดวงตา ตั้งแต่กระจกตา เลนส์ตา จอประสาทตา อีกทั้งยังพบว่า โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม หรือ "ซีวีเอส"  (Computer Vision Syndrome : CVS) กลายเป็นโรคยอดฮิตของคนยุคดิจิทัลไปแล้ว

แสงสีฟ้า มีส่วนทำให้เกิดปัญหาภาวะตาอ่อนล้า (Digital Eye Strain) จะมีอาการปวดตา, ตาเบลอ, ตาแห้ง, แสบตา, เคืองตา, ตาแพ้แสง ไปจนถึงจอประสาทตาเสื่อม อันเป็นกลไกสำคัญของการมองเห็น แต่มีงานวิจัยทางการแพทย์พบว่า การสัมผัสกับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน อาจทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในดวงตาถูกทำลาย เนื่องจากคลื่นแสงพลังงานสูงเหนี่ยวนำให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระ (Free Radical) ในเซลล์ของจอประสาทตา ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลง ส่งผลให้เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งในผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้ชาย ที่สำคัญ ยังไม่มีวิธีรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมให้หายขาด แต่สามารถดูแลรัษาเพื่อชะลอการเกิดภาวะเซลล์เสื่อมหรือเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมช้าที่สุด ให้สามารถใช้งานดวงตาได้นานขึ้น ด้วยการตรวจเช็กสุขภาพตาเป็นประจำโดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป และหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีแสงแดดนาน ๆ งดสูบบุหรี่ ควบคุมเบาหวาน ออกกำลังกาย และกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ ควรมีอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินบำรุงสายตาต่าง ๆ จำพวก ผลไม้ ผักใบเขียว หรือกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตาจำพวกสารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (ลูทีน, ซีแซนทีน, มีโซ-ซีแซนทีน), สารอาหารในกลุ่มแอนโทไซยานิน และวิตามินบำรุงสายตาจำพวก วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินซี ฯลฯ

ทำไมต้องกินอาหารเสริมบำรุงสายตา ที่มี...สารอาหารกลุ่มแคโรทีนอยด์
เพราะ ลูทีน (Lutein), ซีแซนทิน (Zeaxanthin), มีโซ-ซีแซนทีน (Meso-zeaxanthin) จัดว่าเป็นสารสำคัญในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีอยู่ในจอประสาทตาของคน ทำหน้าที่กรองแสงและป้องกันดวงตาจากแสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลต โดยมีผลการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ได้ว่า ปริมาณของลูทีน (Lutein), ซีแซนทิน (Zeaxanthin), มีโซ-ซีแซนทีน (Meso-zeaxanthin) ในดวงตามีผลต่อประสิทธิภาพการมองเห็นของคนเรา



ลูทีน (Lutein) สารสำคัญในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่พบในดวงตาของคน อยู่ด้านข้างของจุดรับภาพ (peripheral macula) ช่วยกรองแสงสีฟ้าที่มีอยู่ทั่วไปรอบตัวเรา ทั้งจากแสงแดด แสงจากโทรทัศน์ แสงจากจอคอมพิวเตอร์แสงจากหลอดไฟ ซึ่งเป็นแสงที่หลีกเลี่ยงได้ยากและเป็นอันตรายต่อจอประสาทตา นอกจากนี้ ลูทีนยังทำหน้าที่เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระในดวงตาของคนเราอีกด้วย เพราะในดวงตาจะมีสารอนุมูลอิสระอยู่เป็นจำนวนมากที่เป็นตัวทำลายเซลล์รับภาพ และทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับจอประสาทตาได้

ซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่พบในใจกลางของด้านข้างของจุดรับภาพ (mid-peripheral macula) ทำหน้าที่กรองแสงที่จะผ่านเข้าสู่จอตา และช่วยลดการสะท้อนของแสง ป้องกันรังสียูวีจากแสงแดดที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้มีคุณสมบัติช่วยป้องกันโรคหลายชนิด เช่น โรคต้อกระจก โรคจอรับภาพเสื่อม โรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น

มีโซ-ซีแซนทีน (Meso-zeaxanthin) เป็นสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ที่พบในส่วนกลางของจุดรับภาพ (epicenter macula) ที่มีส่วนช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระ ลดโอกาสเกิดโรคจุดภาพชัดที่จอตาเสื่อม (Macular Degeneration) ซึ่งเกิดขึ้นตามวัย และยังช่วยกรองแสงสีฟ้าในจอตาได้อีกด้วย ซึ่งจากผลการศึกษาวิจัยพบว่า มีโซ-ซีแซนทีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพมาก โดย มีโซ-ซีแซนทีนต้องสังเคราะห์ขึ้นมาจากจากลูทีน หรือพบเจอในอาหารบางชนิดแต่มีในปริมาณที่น้อยมาก เช่น พบเจอมีโซ-ซีแซนทีนในหนังปลา กระดองกุ้ง และไขมันเต่าทะเลเท่านั้น

ซึ่งจากปัจจัยต่าง ๆ ที่มีส่วนในการทำร้ายดวงตาและการสัมผัสกับแสงสีฟ้าเป็นเวลานาน มีส่วนทำให้เซลล์ต่าง ๆ ในดวงตาถูกทำลาย ทำให้ภาวะของระดับแคโรทีนอยด์ต่ำ (ปริมาณของลูทีน (Lutein), ซีแซนทิน (Zeaxanthin), มีโซ-ซีแซนทีน (Meso-zeaxanthin) ในดวงตาลดลง) และมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม การเลือกอาหารเสริมบำรุงสายตา ที่มีสารอาหารในกลุ่มแคโรทีนอยด์จึงเป็นสิ่งจำเป็น และโภชนาการที่เข้าถึงระดับเซลล์ในแต่ละช่วงวัยแบบเฉพาะเจาะจงในรูปแบบผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงสายตา ที่มีการค้นพบสารพฤกษเคมีกลุ่มสารอาหารแคโรทีนอยด์ในดอกดาวเรือง และมีการพัฒนาสูตรสู่การเป็นสารสกัดดอกดาวเรือง สารอาหารเสริมสร้างร่างกาย โดยถูกนำไปใช้เพื่อสร้างเซลล์ใหม่ ทดแทนเซลล์ที่ตายหรือเสียหายไป

สารอาหารกลุ่มแอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานิน (Anthocyanins) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูง ที่มีส่วนช่วยดูแลปกป้องดวงตา มีส่วนช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระที่อาจนำไปสู่การเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ และจากผลการศึกษาและงานวิจัยของสารแอนโทไซยานิน พบว่ามีส่วนช่วยในการมองเห็นในที่มืดหรือที่มีแสงน้อย, มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก, มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม เป็นต้น

โดย แอนโทไซยานิน เป็นสารที่ให้สีม่วง สีแดง สีน้ำเงิน ในพืชผัก เช่น กะหล่ำปลีม่วง หอมแดง มะเขือเทศ ในผลไม้ เช่น บิลเบอร์รี่ (Bilberry), แบลคเคอร์แรนท์, สตรอว์เบอรี รวมทั้งธัญพืชและถั่วที่มีสีเข้ม แต่จะพบสารแอนโทไซยาโนไซด์ (Anthocyanosides) ในบิลเบอร์รี่ (Bilberry) มากกว่าเมื่อเทียบกับผักและผลไม้อื่น ๆ



แอนโทไซยานิน มีส่วนช่วยในการมองเห็นในที่มืดหรือมีแสงน้อย
แอนโทไซยานิน มีส่วนช่วยในการเร่งคืนสภาพของโรดอปซิน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ไวต่อการรับแสงที่เซลล์รับแสงรูปแท่งในจอประสาทตา จึงช่วยให้ดวงตามองเห็นภาพในที่มืดเวลากลางคืนได้ชัดเจนขึ้น และยังมีส่วนช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา (อาการตาล้า) ในกลุ่มคนทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ เนื่องจากแอนโทไซยานินมีส่วนช่วยในการไหลเวียนของเลือดในเส้นเลือดฝอยที่ตา ทำให้ดวงตาได้รับสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงได้ดีขึ้น

แอนโทไซยานิน มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก
เมื่อดวงตาสัมผัสกับแสงเป็นเวลานาน ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นที่เซลล์ของดวงตา ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในเนื้อเลนส์ มีการเพิ่มขึ้นของโปรตีนชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ทำให้เลนส์แก้วตาแข็งและทึบแสงมากขึ้น ที่เรียกว่าต้อกระจก

จากการศึกษาวิจัยทางคลินิกด้วยการให้อาสาสมัครที่เป็นโรคต้อกระจกจำนวน 50 คน รับประทานสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ที่มีปริมาณแอนโทไซยานิน 25% ในปริมาณ 180 มิลลิกรัม ร่วมกับรับประทานวิตามินอี 100 มิลลิกรัม จำนวน 2 ครั้งต่อวัน และรับประทานติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน ผลสรุปได้ว่า กลุ่มคนที่รับประทานสารสกัดจากบิลเบอร์รี่นั้น สามารถยับยั้งการเกิดต้อกระจกเพิ่ม ได้ถึง 96%

แอนโทไซยานิน มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
จากผลการศึกษาความสัมพันธ์ของดวงตาที่ได้รับแสงมากเกินควรต่อเซลล์รับแสงของจอประสาทตา ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมนั้น พบว่าสารแอนโทไซยานินที่ได้จากสารสกัดจากบิลเบอร์รี่ มีส่วนต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในดวงตาจากการสัมผัสแสง มีส่วนช่วยยับยั้งการตายของเซลล์จอประสาทตา

สารอาหารกลุ่มวิตามินบำรุงสายตา
จำพวก วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินซี ฯลฯ ที่มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของเยื่อบุต่าง ๆ มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ ซึ่ง วิตามินบำรุงสายตา เหล่านี้ มีส่วนช่วยดูแลปกป้องดวงตา ช่วยปกป้องจากอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์บริเวณจอประสาทตาเสื่อมช้าและเสื่อมน้อยลงจากการทำลายของอนุมูลอิสระ (Free radical) นั่นเอง
 
ที่มา
[1] การดูแลสุขภาพตา / สสส
[2] จอประสาทตาเสื่อม / โรงพยาบาลเปาโล
[3] แสงสีฟ้าคืออะไร / คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
[4] ลูทีน ดีต่อดวงตา มีประโยชน์ต่อสุขภาพจริงหรือ ?
แชทผ่านไลน์ @Liveandfit