สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หรือ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
สมัครสมาชิก / เข้าสู่ระบบ
หากคุณยังไม่ได้เป็นสมาชิกกับเรา !
หรือเข้าสู่ระบบด้วย
หรือ
สั่งซื้อทันทีโดยไม่สมัครสมาชิก
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
ข้อกำหนดและเงื่อนไข และ นโยบายความเป็นส่วนตัว
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
ตะกร้าสินค้า
รายการสินค้าที่สั่งซื้อ
ยังไม่มีคำสั่งซื้อ
แนะนำสำหรับคุณ
PRODUCTS
CUSTOMER SERVICE
ABOUT US
PROMOTION
REWARDS
HELPING
ประโยชน์ สรรพคุณ น้ำขิง ช่วยเรื่องผิวและลดการปวดประจำเดือน
ประโยชน์ สรรพคุณ น้ำขิง ช่วยเรื่องผิวและลดการปวดประจำเดือน

เชื่อว่า...ผู้หญิงส่วนใหญ่ต่างต้องเคยประสบปัญหาสุขภาพกวนใจแบบที่ผู้ชายไม่มีวันรู้ โดยเฉพาะอาการปวดประจำเดือนที่เกิดขึ้นทุกครั้งเมื่อใกล้ถึงวันนั้นของเดือนหรือระหว่างที่เป็นประจำเดือน

การเป็นประจำเดือนนอกจากจะทำให้ผู้หญิงอย่างเรารู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพผิวหนังที่เกิดขึ้นเพราะฮอร์โมนที่ผันผวน เช่น ผิวหน้ามัน เป็นสิวง่าย หรือแม้แต่หนังศีรษะลอกเกิดเป็นรังแคจนทำให้ผู้หญิงหลายคนต่างหันไปเลือกใช้ยาแผนปัจจุบันในการรักษาสภาวะทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่เป็นประจำ

แต่จะดีกว่าไหม...หากคุณสามารถหันมาเลือกใช้สมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยาและแทบไม่มีผลข้างเคียงในการบรรเทาอาการทางสุขภาพต่าง ๆ วันนี้ Live & Fit ขออาสาพาคุณมาทำความรู้จักกับ น้ำขิงและสรรพคุณของขิงที่มีส่วนช่วยในการบำรุงและส่งเสริมสุขภาพของผู้หญิงกันค่ะ

ขิง สมุนไพรไทยนี้มีดีอย่างไร ?
ขิง (Ginger, ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Zingiber officinale) พืชสมุนไพรล้มลุกในตระกูล Zingiberaceae ที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับพืชกลุ่ม ขมิ้น กระวาน และข่า มีแหล่งกำเนิดในทวีปเอเชียตะวันออกเชียงใต้ แต่ในปัจจุบันได้มีการเพาะปลูกกันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ

สมุนไพรชนิดนี้ลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่นด้วย ลำต้นที่สูงประมาณ 3 ฟุต ออกดอกเป็นสีม่วงแกมเขียว ในส่วนรากของต้นขิงจะมีลักษณะเหง้าสีน้ำตาลแกมเหลือง (ส่วนใต้ดินของลำต้น) เนื้อด้านในมีสีขาวหรือเหลืองนวลมักถูกนำไปใช้มากที่สุด การเก็บเกี่ยวจะสามารถทำได้โดยการดึงทั้งต้นออกจากดิน หรือเพียงแค่ถอนรากหรือใบออกก่อนจะนำมาทำความสะอาดเพื่อใช้งานต่อไป

ด้วยกลิ่นหอมอโรมาแบบเฉพาะ ตัดกับรสชาติเผ็ดฉุนนิด ๆ อย่างมีเอกลักษณ์ ขิงจึงจัดเป็นสมุนไพรที่เหมาะต่อการใช้เป็นวัตถุดิบหลักหรือเครื่องเทศปรุงรสในอาหารและเครื่องดื่มสไตล์เอเชี่ยน ไม่เพียงแค่การใช้ขิงสดในการประกอบอาหาร แต่ขิงที่ผ่านกระบวนการแปรรูป เช่น ขิงแห้ง ขิงชนิดผง น้ำขิง น้ำมันขิง ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ตลอดจนถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลายทั้งในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารและแวดวงความงามทั่วโลก



ขิง สมุนไพรชั้นดี อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ

ไม่เพียงแต่เพิ่มรสชาติอร่อยให้แก่อาหารแล้ว ขิงยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะหากคุณรับประทานเหง้าขิงสด (ราก) ในปริมาณ 100 กรัม คุณจะได้รับสารอาหารสำคัญ ดังนี้
  • พลังงาน 80 แคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 17.77 กรัม
  • โปรตีน 1.82 กรัม
  • ไขมัน 0.75 กรัม
  • โคเลสเตอรอล 0 มิลลิกรัม
  • ใยอาหาร 2.0 กรัม

นอกจากนี้คุณยังจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุมากมาย ได้แก่ โฟเลต (วิตามินบี 9) ไนอาซิน (วิตามินบี 3) กรดแพนโทธีนิก (วิตามินบี5) ไพริด็อกซีน (วิตามินบี 6) วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี วิตามินเค โซเดียม โปแตสเซียม แคลเซียม ทองแดง เหล็ก แมกนีเซียม แมงกะนีส ฟอสฟอรัส และสังกะสี (อ้างอิงจาก: ฐานข้อมูลโภชนาการแห่งชาติของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา หรือ USDA) 

เมื่อรู้แบบนี้แล้ว...อยากลองรับประทานขิงกันหรือยังคะ ? ทีนี้เราลองมาดูสรรพคุณของขิงไปพร้อม ๆ กันค่ะ

รู้ไว้สิดี...สรรพคุณของขิงทางการแพทย์
นอกจากการใช้ขิงเพื่อการบริโภคแล้ว ขิงยังถูกจัดเป็นสมุนไพรที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับในแง่ของสรรพคุณทางยาอีกด้วย เพราะขิงนั้น...
  • อุดมไปด้วย “จินเจอร์รอล” ที่มีสรรพคุณทางยาสูง
ในขิงนั้นมีน้ำมันหอมระเหยที่มีสารสำคัญอย่าง จินเจอร์รอล (Gingerol) ซิงเจอโรน (Zingerone) โชกาออล (shogaol) และอื่น ๆ อยู่ในปริมาณมาก โดยการสกัดน้ำมันหอมระเหยดังกล่าวจะมีคุณภาพดีที่สุดเมื่อสกัดในขิงแก่สดอายุ 11-12 เดือน

สำหรับน้ำมันหอมระเหยสกัดที่มีสารประกอบสำคัญอย่าง “จินเจอร์รอล” นั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของขิงในการใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ เนื่องจากจินเจอร์รอลมีส่วนช่วยในการต้านอาการอักเสบ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการปวด คลายเส้นประสาท ลดไข้และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลชีพหรือแบคทีเรีย
  • ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียน
การรับประทานขิงเป็นประจำ มีส่วนช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้พะอืดพะอม โดยเฉพาะอาการที่เกิดขึ้นในสตรีมีครรภ์ หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่ผ่านกระบวนการฉายรังสี และอาจช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนได้เช่นกัน
  • ช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหาร และบรรเทาอาการท้องร่วง
สรรพคุณของขิงที่ใคร ๆ ต่างต้องเคยได้ยินคือ การบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ซึ่งมีงานวิจัยหลายชิ้นที่สนับสนุนและชี้ให้เห็นว่า การรับประทานขิงสามารถส่งเสริมระบบการย่อยอาหารให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

งานวิจัยบางชิ้นบ่งชี้ว่า สารประกอบทางเคมีอย่างซิงเจอโรน (Zingerone) สารประกอบสำคัญที่ได้จากการสกัดน้ำมันหอมระเหยในส่วนของเหง้าขิง มีฤทธิ์ให้รสชาติเผ็ดร้อนในแบบเฉพาะตัวนั้นมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีส่วนช่วยในการต้านเชื้อแบคทีเรียอีโคไล (E.coli) ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคท้องร่วง-ท้องเสียในเด็ก
  • ช่วยลดอาการปวดข้อเข่าเสื่อม
การรับประทานขิงอาจช่วยบรรเทาอาการของโรคข้อเข่าเสื่อม ที่รวมถึง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ อาการปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อต่าง ๆ

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นว่า การรับประทานขิงสามารถช่วยลดอาการปวดอันมาจากสาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อมในบางคนได้เล็กน้อย และยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่ชี้ว่า การรับประทานขิงได้ผลเช่นเดียวกันกับ การใช้ยาไอบูโพรเฟนใน 400 กรัมทุกวันสำหรับอาการปวดสะโพกและข้อเข่าเสื่อม
  • ใช้เป็นยาอายุรเวททั่วไป
เหง้าหรือรากขิง ถูกใช้เป็นยาตั้งแต่โบราณกาลเพื่อใช้ในการต้านการอักเสบ ขับลม บรรเทาอาการท้องอืด-ท้องเฟ้อ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ต่าง ๆ และยังอาจใช้ในการบรรเทาอาการไข้หวัดทั่วไปได้ด้วย

สรรพคุณของขิงข้างต้นถือเป็นเพียงคุณสมบัติส่วนหนึ่งของสมุนไพรมหัศจรรย์ชนิดนี้ ต่อจากนี้เราลองมาดูกันค่ะว่า...ขิงและน้ำขิงจะมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและปัญหาผิวพรรณได้อย่างไรบ้าง

ไขข้อข้องใจ: ประจำเดือนมาทีไร ปวดท้องหนัก แถมหน้ามัน สิวขึ้นง่ายทุกที
กระบวนการของการเกิดประจำเดือนนั้นมีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเยื่อบุนี้จะพัฒนาทุก ๆ 28 – 30 วันโดยประมาณเพื่อเตรียมไข่สำหรับการปฏิสนธิหากผู้หญิงตั้งครรภ์ แต่หากไม่เกิดการปฏิสนธิ เยื่อบุโพรงมดลูกนี้จะมีการหลุดลอกออกมา จึงทำให้เกิดเป็นประจำเดือน

ขณะที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบุมดลูกนั้นจะผลิตสารคล้ายฮอร์โมนที่มีชื่อเรียกว่า “โพรสตาแกลนดิน” (Prostaglandin) ที่จะกระตุ้นการหดตัวของผนังกล้ามเนื้อในมดลูกทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น เพื่อช่วยให้เยื่อบุมดลูกหลุดลอกหรือถูกขับออกระหว่างการเป็นประจำเดือน โดยที่ระดับของสารโพรสตาแกลนดินนี้จะสูงขึ้นเป็นพิเศษก่อนที่จะมีประจำเดือน จึงส่งผลให้ผู้หญิงหลายคนอาจมีอาการปวดประจำเดือนมากกว่าปกติโดยเฉพาะในช่วง 1-3 วันแรกของการมีประจำเดือนหรือก่อนมีประจำเดือน

นอกเหนือจากอาการปวดท้องประจำเดือนที่สาว ๆ ต้องรับมือ ในบางรายอาจต้องเป็นกังวลกับปัญหาผิวพรรณที่เกิดขึ้นเพราะ...

การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) หรือฮอร์โมนเพศหญิงที่มีหน้าที่ในการสร้างเยื่อบุมดลูกให้หนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการตั้งครรภ์ แต่เมื่อการปฏิสนธิไม่เกิดขึ้น ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและฮอร์โมน (Estrogen) จะลดลงทำให้เกิดผนังเยื่อบุมดลูกลุดลอกออก และในขณะเดียวกันระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ก็อาจเกิดความผันผวนร่วมด้วย

ความผันผวนของฮอร์โมนเหล่านี้เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตซีบัมมากเกินไปจนก่อให้เกิดเป็น ปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวหน้ามัน สิวขึ้น หนังศีรษะมันหรือเกิดรังแค อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ถือว่ารับมือได้ยากกว่าอาการปวดประจำเดือน เพราะไม่ได้มียาแผนปัจจุบันที่สามารถรักษาอาการต่าง ๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับฮอร์โมนที่ผันผวนระหว่างเป็นประจำเดือนได้โดยตรง สมุนไพรทางเลือกอย่าง “ขิง” จึงมีบทบาทมากขึ้นในการนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ข้างต้น



ดื่มน้ำขิงช่วยลดอาการการปวดประจำเดือน และช่วยเรื่องผิวได้อย่างไร ?
เป็นเรื่องปกติที่อาการปวดประจำเดือนนั้นส่งผลให้คุณรู้สึกไม่สบายตัว แต่สำหรับบางคนอาจรู้สึกปวดประจำเดือนมากจนทำให้หันไปใช้รับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการ แต่ขึ้นชื่อว่า “ยา” ถึงแม้จะใช้เพื่อการบำบัดรักษาโรค หากต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่องย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมากกว่าผลดี ดังนั้นการเลือกใช้ขิงเพื่อบำบัดอาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการปวดประจำเดือนและปัญหาผิวจึงมีการใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

ทว่าสำหรับบางคนอาจจะไม่สะดวกรับประทานขิงสดจากเหง้า เครื่องดื่มจากขิงอย่าง “น้ำขิง” อาจตอบโจทย์ในสิ่งที่คุณกำลังมองหา ซึ่งน้ำขิงนั้นอาจอยู่ในรูปผลิตภัณฑ์เป็นของเหลวหรือเป็นผงขิงสำเร็จรูปพร้อมชงดื่มโดยที่คุณประโยชน์และสารอาหารสำคัญของขิงยังคงอยู่ อาจเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว นั่นเป็นเพราะว่า...
  • การดื่มน้ำขิงอาจช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้อย่างอยู่หมัด
การดื่มน้ำขิงอาจช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียจากกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS; Premenstrual syndrome) ที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ ที่สำคัญการดื่มน้ำขิงสามารถบรรเทาอาการปวดประจำเดือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเอนไซม์ซินจิเบน (Zingibain) ในขิงช่วยปกป้องร่างกายของผู้หญิงจากการอักเสบ โดยการยับยั้งการผลิตสารโพรสตาแกลนดินที่ส่งผลให้ผนังมดลูกบีบตัวจนเกิดเป็นอาการปวดประจำเดือน 

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่บ่งชี้ว่าการรับประทานขิงอาจช่วยบรรเทาอาการปวดเช่นเดียวกันกับการรับประทานยาบรรเทาอาการปวด เช่น ยาไอบูโพรเฟน มากไปกว่านั้นยังมีงานวิจัยอีกหนึ่งชิ้นที่ทำการทดลองในแง่ ความรุนแรงของการมีประจำเดือนสามารถควบคุมได้โดยการรับประทานขิง ในการทดลองทางคลินิกนี้โพสต์ใน Phytotherapy Research 2015 โดยศึกษาในกลุ่มผู้หญิง 92 คนที่ต้องเผชิญกับภาวะเลือดออกมาก จะได้รับอาหารเสริมขิงเป็นระยะ ๆ เป็นเวลา 3 รอบประจำเดือน สรุปผลวิจัยได้ว่า ผู้หญิงที่รับประทานอาหารเสริมขิงนั้นช่วยบรรเทาภาวะเลือดออกมากให้ดีขึ้นกว่าผู้ที่ได้รับยาหลอก

ดังนั้นการดื่มน้ำขิงถือเป็นวิธีธรรมชาติที่ดีในการบรรเทาและจัดการกับอาการปวดประจำเดือน และอาการต่าง ๆ เช่น คลื่นไส้ ปวดท้อง ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย เป็นต้น
  • การดื่มน้ำขิงอาจช่วยลดอาการอักเสบของผิวที่ก่อให้เกิดปัญหาสิว
การดื่มน้ำขิงเป็นประจำ คุณจะได้รับสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ มากมายที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ เนื่องจาก ขิง ถือได้ว่าเป็นอาหารชั้นยอดหรือซูเปอร์ฟู้ดที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวอย่างยอดเยี่ยม

มากไปกว่านั้นแล้วสารประกอบสำคัญในน้ำขิงยังมีส่วนการลดอาการอักเสบ ที่สามารถจัดการกับปัญหาสิวได้อย่างตรงจุด เพราะสาเหตุของผิวหน้ามัน ผิวเป็นสิวส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นจากการอักเสบของรูขุมขนและการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันที่เกิดขึ้นระหว่างการเป็นประจำเดือน จึงอาจกล่าวได้ว่า การดื่มน้ำขิงย่อมมีส่วนช่วยในการบรรเทาปัญหาผิวพรรณที่เกิดขึ้น

ไม่เพียงแต่ช่วยจัดการกับปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด แต่การดื่มน้ำขิงยังช่วยส่งเสริมสุขภาพของหนังศีรษะด้วยเช่นกัน เพราะสารประกอบในขิงมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตไปยังหนังศีรษะเพื่อการเจริญเติบโตของเส้นผม และยังช่วยในการรักษาระดับของยีสต์และแบคทีเรียตามธรรมชาติที่เป็นสาเหตุของรังแคให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สำหรับสาระดี ๆ เกี่ยวกับขิง สรรพคุณของขิงและสรรพคุณของน้ำขิงที่ทางเรานำมาฝากกันในวันนี้ อาจช่วยให้คุณได้พบกับแนวทางในการดูแลตนเอง และทางเลือกใหม่ ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนกันนะคะ
แชทผ่านไลน์ @Liveandfit