โกโก้ คือเมล็ดโกโก้ที่ได้จากต้นคาเคา (Cacao) เป็นพืชพื้นเมืองของอเมริกาใต้ ซึ่งนำมาผ่านกระบวนการคั่วด้วยความร้อน จนได้สิ่งที่เรียกว่า คาเคา นิบส์ (Cocoa nib) ซึ่งเป็นเมล็ดสีน้ำตาลเข้ม มีกลิ่นหอม รสชาติขมเป็นเอกลักษณ์ และนำไปบดจนละเอียดกลายเป็นผง โดยหากไม่ได้รีดไขมันโกโก้ออก จะเรียกว่า "ผงช็อกโกแลต" แต่หากรีดไขมันออกจนเหลือเพียง 0-25% แล้วค่อยทำเป็นผง จะเรียกว่า "ผงโกโก้" ซึ่งผงแปรรูปทั้ง 2 ชนิด สามารถนำมาชงเป็นเครื่องดื่มร้อน-เย็น ใช้ทำขนมต่าง ๆ เช่น เค้ก คุกกี้ ให้รสชาติเข้มข้นหอมอร่อยและได้ 5 คุณค่าของโกโก้ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
1. สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants)
สารต้านอนุมูลอิสระมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลายโรคโดยเฉพาะโรคเรื้อรังที่สัมพันธ์กับอาหาร เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น รวมทั้งช่วยชะลอกระบวนการบางขั้นตอนที่ทำให้เกิดความแก่
โดยปกติร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระก่อนที่มันจะทำอันตราย แต่ถ้ามีการสร้างอนุมูลอิสระเร็วหรือมากเกินกว่าร่างกายจะกำจัดทัน อนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายต่อเซลล์และเนื้อเยื่อได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
ส่วนมากแล้วสารต้านอนุมูลอิสระนี้จะพบมากในอาหารประเภทผักผลไม้ แต่ในตอนนี้ มีการศึกษาแล้วว่า "โกโก้" มีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระอยู่มากทีเดียว จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยคอร์แนล ได้ทำการทดสอบ วัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่ง มีสารต้านอนุมูลอิสระ มากที่สุด โดยมีมากกว่าไวน์แดง 1 แก้วถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วยถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
2. ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)
ฟลาโวนอยด์ คือ สารต้านปฏิกิริยาออกซิเดชัน ที่ช่วยหยุดปฏิกิริยาลูกโซ่ของอนุมูลอิสระได้ (ต้านอนุมูอิสระ) รวมถึงช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย หัวใจและหลอดเลือด อีกทั้งรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และการทำงานของสมองอีกด้วย จากการศึกษาวิจัยพบว่า การกินโกโก้มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตได้ และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันได้
3. ทริปโตเฟน (Tryptophan)
เป็นกรดอะมิโนจำเป็นจากธรรมชาติที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้แต่พบได้ในโกโก้ โดยสมองสามารถนำ ทริปโตเฟน ไปใช้รวมเข้ากับวิตามินบี3 วิตามินบี6 และแมกนีเซียม ในการไปสร้างสารแห่งความสุข เซโรโทนิน (Serotonin) ออกมาละลายความตึงเครียดให้มลายหายไปและแทนที่ด้วยความรู้สึกสุขสดชื่น และทริปโตเฟนยังเป็นหนึ่งในสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนอนหลับของร่างกาย ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการนอนหลับอย่างสนิท อีกทั้งทริปโตเฟนยังทำงานร่วมกับกรดโฟลิกและธาตุเหล็กในการช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงอีกด้วย
4. ใยอาหาร (Fiber)
รู้ไหมว่า ในผงโกโก้ 100 กรัม มีปริมาณใยอาหารสูงถึง 37 กรัม และเป็นใยอาหารที่ละลายน้ำได้ พองตัวเป็นเจลในลำไส้ ทำให้ลำไส้ดูดซึมอาหารและน้ำตาลได้ช้าลง มีการศึกษาโดย ไมเคิล เจ. คลาร์ก และทีมภาควิชาวิทยาศาสตร์อาหารและโภชนาการ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota) พบว่า ใยอาหาร ร้อยละ 39 ช่วยลดความอยากอาหาร แต่จะช่วยลดปริมาณอาหารหรือแคลอรีในแต่ละมื้อได้ประมาณร้อยละ 22
5. โพแทสเซียม
จากผลการวิจัยพบว่าผงโกโก้เป็นอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงเป็นอันดับ 1 (ผงโกโก้ขนาด 100 กรัม มีปริมาณโพแทสเซียม 1.5 กรัม) โดย โพแทสเซียม เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นปกติ เช่น ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ควบคุมความดันโลหิตที่สูงและลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
ในคนปกติที่มีอายุตั้งแต่ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับโพแทสเซียมในปริมาณ 4.7 กรัมต่อวัน (ข้อมูลจาก Food and Nutrition Board, Institute of Medicine) ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ยังได้รับปริมาณโพแทสเซียมต่ำกว่าปริมาณที่แนะนำ ซึ่งการที่จะทำให้ได้รับโพแทสเซียมอย่างเพียงพอในแต่ละวันนั้นทำได้ไม่ยาก เพราะโพแทสเซียมมีอยู่มากในอาหารหลากหลายชนิด เช่น ผัก ผลไม้ ผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันต่ำหรือไม่มีไขมันเลย รวมไปถึง โกโก้ ถั่วต่าง ๆ และธัญพืช