Live & Fit Healthy Recipes “เมนูนี้ใยอาหารสูง (High Fiber)”
ขิงกรอบจอมสลัด (สลัดขิง)
ส่วนผสม
หอมหัวใหญ่ (ซอยเป็นแว่น) 1 ลูก
มะเขือเทศ (หั่นเป็นแผ่น) 1 ลูก
แครอท (หั่นเป็นเส้น) 1 ลูก
ต้นหอมซอย 1-2 ต้น
ผักกาดหอม (ตามชอบ)
ขิงแก่สด 3-4 แง่ง
เนื้อไก่สุก (ส่วนสะโพก หรือ อก) 1 ชิ้น
แป้งโกกิ 1 ถุง
เส้นเซี่ยงไฮ้ (ตามชอบ)
ฟิตเน่ ท็อปปิ้ง ไฟเบอร์ 2 ซอง
ส่วนผสมน้ำสลัด (ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน)
ฟิตเน่ สวีท ซูคราโลส 1 ช้อนชา
มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. เตรียมผักสลัดทั้งหมดใส่จาน
2. ซอยขิงแก่สด แล้วคลุกเคล้ากับแป้งโกกิ จากนั้นนำไปทอดเป็นแผ่นแล้วพักไว้
3. ลวกเส้นเซี่ยงไฮ้ให้สุก ฉีกเนื้อไก่สุกเป็นเส้น ๆ และนำไปวางบนผักสลัดพร้อมกัน แล้วราดด้วยน้ำสลัด โรยด้วย ฟิตเน่ ท็อปปิ้ง ไฟเบอร์ signature ของจานขิงกรอบจอมสลัด ที่จัดได้ว่ามีคุณค่าใยอาหารสูงมาก และมีคุณประโยชน์อื่น ๆ จากขิง & ผักต่าง ๆ อีกด้วย
รู้ไหมว่า...
ใยอาหาร ควรกินวันละเท่าไหร่?
นักโภชนาการ แนะนำให้กินเส้นใยอาหาร วันละประมาณ 25 - 30 กรัม แต่ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่กินอาหารที่มีเส้นใยเพียง 2 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการเท่านั้น เพราะหากเราต้องกินผักเพื่อให้ได้ใยอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการ เราต้องกินผักมากมายเพียงใด
เพราะใยอาหารมีความสำคัญ ผลิตเสริมอาหารจำพวกใยอาหารสำเร็จรูปจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งใยอาหารชั้นดีสามารถช่วยกวาดช่องทางเดินอาหาร ทำให้ไขมันและสารพิษถูกขับออกไปจากร่างกาย ช่วยเพิ่มกากอาหารให้มีมวลมากขึ้น สะดวกต่อการเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ใหญ่พ้นออกนอกร่างกายได้ง่าย และช่วยหน่วงเหนี่ยวการดูดซึมน้ำตาลกลูโคส ไม่ให้ผ่านเข้าผนังลำไส้เล็กเร็วเกินไป จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอาการโรคเบาหวานและผู้ที่กำลังลดความอ้วน สามารถช่วยดูดซับสารโลหะหนักที่ให้โทษแก่ร่างกายชนิดร้ายแรง คืนความสมดุลของสุขภาพและรูปร่างให้ดูดีอีกด้วย
มีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่ได้พยายามค้นหาประโยชน์ของเส้นใยอาหาร จนปัจจุบันได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่า เส้นใยอาหารช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ โรคความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคมะเร็งต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค
ผักใบเขียว
ผักใบเขียว (ทุกชนิด) อย่างผัดสลัดต่าง ๆ เช่น ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม หรือจะยิ่งใบเขียวเข้มยิ่งดีอย่างพวกคะน้า ผักกาดหอม ผักสลัด ผักโขม กะหล่ำปลี ฯลฯ ผักสีเขียวทั้งหมดนี้ ขึ้นชื่อว่ากระตุ้นการผลิตคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า ลูติน (lutein) โดยงานวิจัยเรื่องผิวพรรณจากฝรั่งเศส แนะนำว่า ในหนึ่งวันควรให้ร่างกายได้รับลูตินประมาณ 10 กรัม (เท่ากับกินผักโขม 1.1 กิโลกรัม) ซึ่งก็จะเพียงพอต่อการบำรุงผิวพรรณให้เรียบเนียนไร้ริ้วรอยแห่งวัย หรือกินผักใบเขียววันละ 1 จาน จะได้แคโรทีนสูง ที่ช่วยเติมความชุ่มชื่นให้ผิว สร้างเกราะป้องกันตามธรรมชาติให้เซลล์ผิวแข็งแรง ไม่แพ้ หรือเป็นสิวง่าย
ขิง
ขิง อุดมไปด้วยสาร จินเจอร์รอล, วิตามิน, ใยอาหาร และแร่ธาตุต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะขิงแก่สดอายุ 11 – 12 เดือน จะมีปริมาณสารจินเจอร์รอลมากที่สุด ซึ่งเป็นสารในกลุ่มฟีนอลที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ หรือเปรียบดั่งสมุนไพรรักษามะเร็ง นอกจากนี้ ประโยชน์ของขิง ยังสามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ ในร่างกายได้ อาทิ ขิงแก้หวัด เพราะ “จินเจอร์รอล” สารสำคัญในขิง มีส่วนช่วยให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต และกระตุ้นการทำงานของระบบป้องกันร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ในขณะเดียวกัน ปริมาณเหงื่อที่มากขึ้น ก็ช่วยขับพิษหรือไวรัสออกจากร่างกาย จึงมีส่วนช่วย ป้องกันไข้หวัดได้ อีกทั้งยังมีส่วนช่วยบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่อาจมาพร้อมกับไข้หวัด เช่น
ขิงแก้เจ็บคอ จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมของใครหลาย ๆ คน ที่เวลารู้สึกเจ็บคอมักชอบจิบน้ำขิง เนื่องจากขิงสามารถช่วยต้านการอักเสบ รวมทั้งสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ตัวการของอาการเจ็บคอได้อีกด้วย
ขิงแก้ไมเกรน โดยมีการศึกษาวิจัยล่าสุดในต่างประเทศ ทำการศึกษาวิจัยในเรื่องการใช้ขิงรักษาอาการปวดไมเกรน โดยทำการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยไมเกรน 100 ราย ในแผนกประสาทวิทยา ของโรงพยาบาลในประเทศอิหร่าน ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มตัวอย่างที่รับประทานขิง อาการปวดไมเกรนลดลงดีเทียบเท่ากับกลุ่มที่รับประทานยาแก้ปวดแผนปัจจุบัน คือ สามารถลดอาการปวดไมเกรนได้ถึง 60% ภายในเวลา 2 ชั่วโมงหลังรับประทานยา และพบว่าแคปซูลขิง มีข้อดีที่เหนือกว่ายาแผนปัจจุบัน คือ ไม่พบอาการข้างเคียงจากการรับประทานยา ซึ่งการที่ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้นั้น น่าจะมาจากการที่ขิงมีฤทธิ์ในการลดกระบวนการอักเสบ ลดอาการปวดในร่างกาย ลดการสร้างสารพรอสตาแกลนดิน (prostaglandins) ที่ทำให้ปวดและอักเสบนั่นเอง
อีกทั้งความเผ็ดร้อนของขิงมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้โคเลสเตอรอล หรือไขมันตัวร้ายแข็งตัว จึงมีส่วนช่วยป้องกันผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับระบบโลหิตภายในร่างกาย ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
เคล็ดลับการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ คือการรู้จักคุณค่าของส่วนประกอบในแต่ละเมนู
ซึ่งการนำขิงมาเป็นวัตถุดิบหลัก มีส่วนช่วยให้ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
หลักการ กินอย่างฉลาด เพิ่มคุณประโยชน์ให้ร่างกายมากกว่าเดิม เพิ่มเติมคือการมีสุขภาพดี
อ่านประโยชน์ขิงเพิ่มเติมได้ที่ https://www.liveandfit.com/th/เคล็ดลับสุขภาพ/ประโยชน์ของขิง-ดีจริงจนต้องบอกต่อ.html
ซูคราโลส
ซูคราโลส เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย เพียง 1 ช้อนชา ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 600 เท่า โดยประมาณ และไม่มีสารสะสมตกค้างในร่างกายอันเนื่องมาจากขั้นตอนการผลิตที่องค์การอนามัยโลกยอมรับเป็นทางการแล้วว่า ซูคราโลส มีความปลอดภัยเทียบเท่าน้ำตาลจากธรรมชาติ แถมยังไม่ให้พลังงาน [ 1 ช้อนชา (0 แคลอรี่) ให้ความหวานเท่ากับ น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา (16 แคลอรี่) ] ช้อนต่อช้อนเหมือนเดิม ไม่ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำตาล อีกทั้งยังสามารถนำ ซูคราโลส ไปปรุงอาหารบนเตาด้วยความร้อนสูงได้ หรือเติมรสหวานในเครื่องดื่ม-อาหาร ได้อย่างสะดวก อร่อยแต่ไม่มีรสขมติดลิ้น ละลายน้ำได้ดี ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดหรือระดับอินซูลิน ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน เก็บรักษาได้เช่นเดียวกับน้ำตาล
*แต่การเลือก ซูคราโลส ต้องดูจากผู้ผลิตที่น่าเชื่อถือจริง ๆ ว่าใช้ซูคราโลสจริงหรือเปล่า เพราะบางผลิตภัณฑ์ตบตาผู้บริโภคโดยใช้แอสปาแตมให้ความหวานแทนน้ำตาล แต่บอกว่าเป็นซูคราโลสก็มีไม่น้อยเช่นกัน เนื่องจากต้นทุนการผลิตซูคราโลสสูง จึงควรเลือกใช้และอ่านฉลากให้ถี่ถ้วนก่อนดีที่สุดนะคะ