0
| เคล็ดลับสุขภาพ

โคโรนาไวรัส ป้องกันได้ ด้วย 5 สารอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน

  Add Friend
อัพเดตโปรโมชั่นและข่าวสารดีๆ ผ่านทาง LINE LIVE & FIT
ID : @Liveandfit
 30 ส.ค. 2564
 1894 ครั้ง
 | 
แชร์ 2 ครั้ง



          เพราะ “โคโรนาไวรัส” หรือ โควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตเราเปลี่ยนไป จากที่เคยเดินออกจากบ้านโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมาย แต่กลับต้องสวมหน้ากากอนามัย พกเจลแอลกอฮอล์ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเองจากติดเชื้อ กระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำแนะนำไว้ว่า พยายามทำให้ร่างกายแข็งแรง เพราะผู้ที่แข็งแรงนั้นหมายถึงผู้ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ มีการนอนหลับพักผ่อนเพียงพอ และมีโภชนาการที่ดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ซึ่งจะช่วยปกป้องร่างกายจากไวรัสโคโรนาและการเจ็บป่วยตามฤดูกาล เช่น ไข้หวัดใหญ่

          ซึ่งการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงจากเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้ และยังเป็นสิ่งที่เราทุกคนทำได้ไม่ยาก เพราะการกินอาหารเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราจำเป็นต้องกินทุกวันเพื่อให้มีพลังงานในการดำเนินชีวิต แต่ถ้าเราให้ความใส่ใจมากขึ้นในการเลือกอาหารที่มี 5 สารอาหารเสริมภูมิคุ้มกัน ก็ถือว่าเป็นความคุ้มค่าอย่างมากกับสุขภาพของเราที่จะได้รับจากอาหารนะคะ

          1. ซิงค์ (Zinc) หรือ สังกะสี

          มีความสำคัญอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องใช้แร่สังกะสีในการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันที่เรียกว่า T-cells ซึ่งเป็นเซลล์ที่ช่วยในการควบคุมการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกัน และจัดการกับเซลล์ที่ติดเชื้อหรือเซลล์ผิดปกติ มีการศึกษาหลายชิ้นที่พบว่า ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ควรบริโภคอาหารที่มีแร่สังกะสี เพื่อช่วยเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง และช่วยป้องกันจากโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคปอดอักเสบ เป็นต้น และในขณะเดียวกัน หากร่างกายขาดแร่สังกะสี อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และอาจนำไปสู่ปัญหาอื่น เช่น การติดเชื้อ ได้ในที่สุด

          นอกจากนี้ ซิงค์ หรือ สังกะสี ยังมีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการมองเห็น ช่วยบำรุงผิว ผม เล็บ ให้แข็งแรง มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และช่วยในการเจริญเติบโตของระบบสืบพันธุ์เพศชายอีกด้วย

          แหล่งอาหารที่อุดมไปด้วย สังกะสี ได้แก่ เนื้อไม่ติดมัน สัตว์ปีก อาหารทะเล นม ผลิตภัณฑ์จากธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว เมล็ดพืช และถั่ว หรืออาหารเสริมและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของซิงค์สูง

          2. วิตามินเอ

          มีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็น มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของเยื่อบุต่าง ๆ มีส่วนช่วยในเมตาบอลิซึมปกติของเหล็ก มีส่วนช่วยคงสภาพปกติของผิวหนัง

          แหล่งอาหารที่มีวิตามินเอ ได้แก่ มันเทศ แครอท บร็อคโคลี่ ผักโขม พริกแดง แอปริคอต ไข่ หรืออาหารที่เสริมวิตามินเอ

          3. วิตามินซี

          เชื่อแน่ว่าทุกคนรู้จักและทราบถึงประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะการมีส่วนช่วยในการทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หรือเรียกได้ว่าช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานได้ดี ช่วยในการทำงานของเม็ดเลือดขาวและมีส่วนช่วยในกระบวนการทำลายเชื้อโรค และยังมีคุณประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ มีส่วนช่วยป้องกันโรคหวัด, ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง, มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ, มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทำงานตามปกติของกระดูกและกระดูกอ่อน, มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทำงานตามปกติของเหงือกและฟัน, มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนเพื่อการทำงานตามปกติของผิวหนัง, มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานจากเมตาบอลิซึมตามปกติ, มีส่วนช่วยในการทำงานตามปกติของระบบประสาท, มีส่วนช่วยในการคืนสภาพของรีดิวซ์วิตามินอี และเพิ่มการดูดซึมเหล็ก

          แหล่งอาหารที่มีวิตามินซี ได้แก่ ผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ส้ม ส้มโอ ส้มเขียวหวาน หรือ พริกหยวกแดง มะละกอ สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ หรืออาหารที่เสริมวิตามินซีหรือผลิตภัณฑ์ที่ชื่นชอบแต่มีส่วนผสมของวิตามินซีสูง

          โดยความต้องการต่อวันตามข้อกำหนดปริมาณสารอาหารอ้างอิงที่ควรได้รับประจำวันสำหรับคนไทย พ.ศ. 2563 ในเด็กอายุ 1-8 ปี ควรได้รับ 25-40 มิลลิกรัมต่อวัน ในเด็กและวัยรุ่นช่วงอายุ 9-18 ปี ควรได้รับ 60-100 มิลลิกรัมต่อวัน และวัยผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไป ควรได้รับ 85-100 มิลลิกรัมต่อวัน

          4. วิตามินอี

          มีส่วนช่วยในกระบวนการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ และปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

          แหล่งอาหารที่มีวิตามินอี ได้แก่ การบริโภคซีเรียล เมล็ดดอกทานตะวัน อัลมอนด์ น้ำมันพืช เฮเซลนัท และเนยถั่ว

          5. โปรตีน

          โปรตีนจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย โปรตีนให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีนชนิดต่ำง ๆ ในร่างกาย และมีส่วนช่วยคงสภาพปกติของกระดูก มีส่วนช่วยเสริมสร้างและคงสภาพของมวลกล้ามเนื้อ โปรตีนมีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการรักษาและการฟื้นตัวของร่างกาย

          แหล่งอาหารที่มีโปรตีน ได้แก่ อาหารทะเล เนื้อไม่ติดมัน สัตว์ปีก ไข่ ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ถั่วและเมล็ดพืช

           นอกจากนี้ยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเสริมสร้างระบบของภูมิคุ้มกันและมีบทบาทในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่ดีต่อสุขภาพ อาทิ วิตามิน B6 โฟเลต ซีลีเนียม ธาตุเหล็ก ตลอดจนพรีไบโอติกและโปรไบโอติก อีกด้วย