| Health Tips

How To? ฟิต & เฟิร์ม แบบง่าย ๆ ที่บ้าน ช่วง Work from Home

  Add Friend
อัพเดตโปรโมชั่นและข่าวสารดีๆ ผ่านทาง LINE LIVE & FIT
ID : @Liveandfit
 4 June 2021
 1876 times
 | 
SHARE 0 times



            เมื่อจำเป็นต้องทำงานอยู่บ้าน (Work from Home) เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโรค ทำให้หลายคนได้ลดภาระค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปออฟฟิศ และทำให้มีเวลา ฟิต & เฟิร์ม ดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น (ไม่มีเวลา คือเหตุผลยอดฮิต) ได้จัดสรรเวลาการทำงานกับการดูแลสุขภาพชัดเจนขึ้น เพราะในช่วง WFH แบบนี้ หลายท่านอาจเผลอหยิบมือถือหาของกินโทรสั่งเดลิเวอรี่ให้มาส่ง กินไปทำงานไปแสนสบาย กว่าจะรู้ตัวอีกที น้ำหนักก็พุ่งพรวดแสนปวดร้าวใจ และอาจพ่วงด้วยโรคลำไส้ ท้องผูก โรคออฟฟิศซินโดรม เป็นต้น แต่ไม่ใช่ว่าเราจะแก้ไขไม่ได้นะคะ เพราะ LiveandFit มีคู่มือสู่การฟิต & เฟิร์มแบบง่าย ๆ เพียงแค่ทำให้ครบในทุกวันมาฝากกันค่า


           1.แบ่งเวลาสำหรับการออกกำลังกาย

            อยู่บ้านก็ ฟิต & เฟิร์ม ได้ โดยเฉพาะช่วงที่จำเป็นต้องเก็บตัวอยู่บ้าน หรือ WFH ยิ่งทำให้เราสามารถขยับร่างกายได้ตลอดช่วงเวลา ด้วยท่วงท่าที่เหมาะสมกับสถานที่ ไม่ต้องมีค่าเทรนเนอร์ หรือค่าบริการฟิตเนส และไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์แต่อย่างใด เช่น กระโดดเชือก กระโดดตบ วิดพื้น ซิทอัพ ฯลฯ หรือหาดูท่าออกกำลังกายง่าย ๆ ตาม Youtube ที่นอกจากจะทำให้ร่างกาย ฟิต & เฟิร์ม แล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บและช่วยให้มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่ดีขึ้น และทุก ๆ ครั้งของการออกกำลังกาย สมองของคุณจะหลั่งสาร serotonin หรือฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดี ทำให้คุณรู้สึกมีความสุขและลดระดับความเครียดลงไปได้เยอะ การออกกำลังกายยังช่วยให้หัวใจแข็งแรง และช่วยเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินในร่างกาย ทำให้ไม่อ้วนด้วยนะคะ สามารถคลิกดูท่าออกกำลังกายที่บ้าน


   
       2.เลือกทำอาหารกินเอง

            ช่วง Work from Home แบบนี้ ทำให้เรามีโอกาสเข้าครัวทำอาหารกินเองและคัดเลือกวัตถุดิบที่มีความจำเป็นต่อสุขภาพจริง ๆ โดยเฉพาะ ผักใบเขียวและอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เนื่องจากนักโภชนาการแนะนำให้กินเส้นใยอาหาร (Fiber) วันละประมาณ 25 - 30 กรัม เพราะใยอาหารมีความสำคัญในการช่วยหน่วงเหนี่ยวการดูดซึมน้ำตาลกลูโคส ไม่ให้ผ่านเข้าผนังลำไส้เล็กเร็วเกินไป จึงเป็นประโยชน์ต่อผู้มีอาการโรคเบาหวานและผู้ที่กำลังลดความอ้วน สามารถช่วยดูดซับสารโลหะหนักที่ให้โทษแก่ร่างกายชนิดร้ายแรง ช่วยกวาดช่องทางเดินอาหาร ทำให้ไขมันและสารพิษถูกขับออกไปจากร่างกาย ช่วยเพิ่มกากอาหารให้มีมวลมากขึ้น สะดวกต่อการเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ใหญ่พ้นออกนอกร่างกายได้ง่าย คืนความสมดุลของสุขภาพและรูปร่างให้ดูดีอีกด้วย
            มีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่ได้พยายามค้นหาประโยชน์ของเส้นใยอาหาร จนปัจจุบันได้คำตอบที่แน่ชัดแล้วว่า เส้นใยอาหารมีส่วนช่วยป้องกันและบำบัดโรคที่สำคัญ เช่น ท้องผูก ระบบขับถ่ายไม่เป็นปกติ โรคอ้วน น้ำตาลในเลือดสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง มะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค

            แต่ในความเป็นจริงคนเรากินอาหารที่มีเส้นใยเพียง 2 ใน 3 ของปริมาณที่ร่างกายต้องการเท่านั้น เพราะการกินผักให้ได้ใยอาหารครบตามที่ร่างกายต้องการนั้น เราต้องกินผักในแต่ละมื้อเป็นจำนวนมากพอสมควร เช่น ข้าวหอมมะลิ 100 กรัม มีใยอาหาร 0.6 กรัม, กะหล่ำปลี 100 กรัม มีใยอาหาร 1.2 กรัม รวมไปถึงบางเมนูก็มีผักน้อยหรือไม่มีผักเลย แต่ในเมื่อเราอยู่บ้านช่วง WFH ก็สามารถใส่ใจเรื่องอาหารการกินอย่างจริงจังและง่ายดายได้ โดยเฉพาะการเข้าครัวปรุงอาหารที่เน้นเพิ่มปริมาณใยอาหาร หรือในบางมื้อที่ผักน้อยหรือไม่มีวัตถุดิบที่เป็นผักเลย เราก็สามารถเพิ่มใยอาหารในแบบท็อปปิ้ง ฟิต สะดวกทุกที่ แค่เพียง ฉีก เติม เสริมปริมาณใยอาหารที่ต้องการ จะอยู่บ้านหรือที่ไหน ๆ ก็ดูแลสุขภาพฟิตได้ นะคะ


           
3.ให้ความสำคัญกับระบบขับถ่าย

            การนั่ง WFH อยู่แต่ในบ้านนาน ๆ โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่จำกัดอย่าง คอนโด อาจทำให้บางคนไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกายในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเคลื่อนไหวของลำไส้ หรือทำให้มีระบบขับถ่ายที่ไม่ปกติ และอาจส่งผลเสียต่าง ๆ ตามมาได้ เพราะระบบขับถ่ายเป็นระบบที่ร่างกายขับถ่ายของเสียออกไป อาทิ ของเสียในรูปแก๊ส คือลมหายใจ ของเหลวคือเหงื่อและปัสสาวะ ของแข็งคืออุจจาระ โดยเฉพาะหากมีของเสียตกค้างอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่นานเกินไป จะส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการง่วงนอนในช่วงเช้า เพราะเลือดไม่สะอาดไปเลี้ยงสมองและหัวใจ ทำให้รู้สึกอ่อนล้า เกิดกลิ่นตัว และกลิ่นปาก เนื่องจากมีการขับของเสียออกมาทางลมหายใจและผิวหนัง การขับถ่ายเป็นวิธีที่ร่างกายใช้กำจัดสารพิษ และสารเคมีต่าง ๆ ถ้าไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน สารพิษเหล่านั้นจะถูกดูดกลับไปสะสมในร่างกาย ทั้งในกระแสเลือดและตามอวัยวะต่าง ๆ เริ่มมีอาการของโรคริดสีดวงทวารหนัก นอกจากนี้ในระยะยาวยังเสี่ยงกับโรคผนังลำไส้อักเสบอีกด้วย

            การออกกำลังกายที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็มีส่วนช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ให้ดีขึ้นได้ รวมไปถึงการทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายประมาณ 30-60 นาที ต่อวัน เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำสวน รดน้ำต้นไม้ นอกจากจะช่วยให้ระบบการย่อย การเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นไปอย่างปกติแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพโดยรวมแข็งแรงอีกด้วย อีกทั้งการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงก็ส่งผลดีต่อระบบขับถ่ายด้วยเช่นกัน ทุกเคล็ดลับนั้นสัมพันธ์กัน โดยเฉพาะการเลือกดื่มยาชงสมุนไพรก่อนนอน ที่มีคุณค่าของสมุนไพรธรรมชาติ มะขามแขก ที่มีส่วนช่วยในการระบาย เพราะในขณะที่เรานอนหลับ ยาชงสมุนไพรก็เริ่มทำงานในวิถีธรรมชาติ อีกทั้งการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ และควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง ป้องกันไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลียเหนื่อยล้า ตื่นมาสดใส มีสุขภาพที่ ฟิต & เฟิร์ม นะคะ