| Health Tips

6 เหตุผล ที่ทำให้หลงรักการดื่มกาแฟ

  Add Friend
อัพเดตโปรโมชั่นและข่าวสารดีๆ ผ่านทาง LINE LIVE & FIT
ID : @Liveandfit
 23 March 2021
 3458 times
 | 
SHARE 3 times



การดื่มกาแฟกลายเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีของใครหลายคน ทุกเช้า “กาแฟ” คือคำทักทายที่ฟังแล้วสดชื่นขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่า “กินกาแฟกัน” “กินกาแฟยัง” “ไปชงกาแฟก่อนนะ” “ซื้อกาแฟมาฝาก” นี่ยังไม่รวมเรื่องราวดี ๆ ของการดื่มกาแฟในแต่ละช่วงเวลาของวัน ซึ่งทำไมใครหลายคนต่างชื่นชมดื่มกันนักดื่มกันหนา ทั้งที่รสชาติของกาแฟก็แสนขม แต่กลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยม มีเหตุผลอะไรที่ทำให้หลายคนบนโลกหลงรักการดื่มกาแฟ คอกาแฟและนักดื่มสายเฮลตี้ต้องอ่าน 6 เหตุผลรองรับทางวิทยาศาสตร์ ที่ให้ความกระจ่างว่า ทำไมเราถึงควรดื่มกาแฟทุกวัน

1. กาแฟมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

ในเมล็ดกาแฟอุดมไปด้วยสารโพลีฟีนอลที่มีชื่อว่า “กรดคลอโรจีนิก (chlorogenic acid)” ซึ่งเป็นสารที่ให้รสขมในกาแฟ โดยกรดคลอโรจีนิกมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหรือเป็นปัจจัยทำให้โรคมีการพัฒนาการอย่างรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น นอกจากกาแฟจะเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว กาแฟยังอุดมไปด้วยวิตามิน B2, B3, B5, แมงกานีส, โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม อีกด้วย

2. กาแฟลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา พบประสิทธิภาพของการดื่มกาแฟว่ามีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิด *โรคเบาหวานชนิดที่2 โดยมีงานวิจัยหนึ่งที่ศึกษากับผู้ที่ไม่มีโรคเบาหวาน มะเร็ง หรือโรคหัวใจและหลอดเลือด แล้วพบว่าการดื่มกาแฟในระยะยาวมีส่วนช่วยยับยั้งการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่2 หรือการทดลองในกลุ่มผู้ที่เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน พบว่าการดื่มกาแฟโดยไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเทียมอย่างน้อยวันละ 3 ครั้งต่อวันให้ผลดีที่สุดในการป้องกันการเกิดโรคเบาหวานในกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรค และไม่ได้มีผลทำให้เกิดโรคอื่น ๆ หากดื่มในสัดส่วนที่เหมาะสม

*โรคเบาหวานชนิดที่2 มีสาเหตุหลักจากภาวะดื้อต่ออินซูลิน (เมื่อกินอาหาร ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินเพื่อนำน้ำตาลที่ได้จากการย่อยอาหารไปยังเซลล์เพื่อเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงาน แต่ภาวะดื้ออินซูลินทำให้เซลล์ไม่ตอบสนองต่ออินซูลิน จึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เกิดเป็นเบาหวาน และเมื่อเป็นเบาหวานแล้วไม่ได้ทำการรักษา ปล่อยให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เกิดภาวะเป็นพิษต่อเซลล์ตับอ่อน ตับผลิตอินซูลินไม่ได้ หรือผลิตได้น้อยลง เกิดเป็นภาวะขาดอินซูลินร่วมด้วย)

3. กาแฟชะลอวัย

สำหรับคนที่ไม่อยากแก่เร็ว เพียงดื่มกาแฟบ่อย ๆ เพราะกาแฟมีส่วนทำให้ออกไซด์แตกตัว ลดการสะสมของออกซิเจนที่มีมากเกินไปจนอาจทำให้แก่เร็ว ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย พร้อมทำให้ผิวพรรณกระชับเต่งตึง

4. กาแฟลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

เนื่องจากในกาแฟมีวิตามินบีรวมชนิดหนึ่งชื่อว่านิโคตินที่มีส่วนช่วยลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือดและป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจได้ดี แถมลดความเสี่ยงภาวะไขมันในเลือดสูงอีกด้วย

5. กาแฟช่วยกระตุ้นความจำ

เพราะประสิทธิภาพในการจดจำจะลดลงและเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การดื่มกาแฟเป็นประจำในตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมอง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้มีความจำดีขึ้น มีการศึกษาที่พบว่า การดื่มกาแฟเป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 65%

6. กาแฟช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงาน

จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า สารคาเฟอีนในกาแฟมีคุณสมบัติเป็น “เทอร์โมเจนีซีส” (Thermogenesis) หรือสารเร่งการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ที่มีส่วนทำให้ไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายถูกสลายเป็นพลังงานความร้อน อีกทั้งการดื่มกาแฟ ยังมีส่วนช่วยเพิ่มความประสิทธิภาพในการออกกำลังกายอีกด้วย

แต่ต้องขอเน้นย้ำก่อนว่า ควรดื่มกาแฟในสัดส่วนที่ไม่มากจนเกินไป บางคนดื่มได้ 2-4 แก้ว/วัน หรือบางคนอาจดื่มได้ 3-6 แก้ว/วัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์จากกาแฟอย่างเพียงพอ และควรระมัดระวังในผู้ที่เป็นโรคหัวใจหรือความดันสูง ไม่ควรดื่มกาแฟในปริมาณมาก ๆ เพราะคาเฟอีนจะเข้าไปกระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักมากขึ้น ทางที่ดีควรดื่มกาแฟสักแก้วต่อวัน ก็ถือว่าเพียงพอที่จะให้ประโยชน์กับร่างกายแบบไม่ก่อโทษแล้วล่ะค่ะ ที่สำคัญ กาแฟที่ดื่มแล้วให้ประโยชน์ ต้องไม่เติมนม หรือ น้ำตาล หากชอบดื่มกาแฟรสหวานก็ต้องเลือกกาแฟที่มีส่วนผสมของใบหญ้าหวาน หรือ ซูคราโลส (สารให้ความแทนน้ำตาล) และหากชอบดื่มกาแฟรสมัน ๆ ที่ผสมครีมเทียม ก็ต้องอ่านฉลากข้อมูลโภชนาการให้ดีว่าเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีกรดไขมันชนิดทรานส์ 0% เพื่อสุขภาพของตัวคุณเองนะคะ