| Health Tips

ชาเขียวผสมน้ำขิง มีประโยชน์ยกกำลังสอง

  Add Friend
อัพเดตโปรโมชั่นและข่าวสารดีๆ ผ่านทาง LINE LIVE & FIT
ID : @Liveandfit
 23 September 2022
 2108 times
 | 
SHARE 1 times


     เทรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลายเป็นที่นิยมของกลุ่มคนสายเฮลท์ตี้ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ ยิ่งการมาของโรคระบาด Covid-19 ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนหันมาจริงจังกับการออกกำลังกาย การเลือกรับประทานอาหารและการเลือกเครื่องดื่มที่ให้ประโยชน์ในด้านการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุขภาพร่างกายมากที่สุด

     ชาเขียวและน้ำขิง จัดเป็นเครื่องดื่มเพื่อการดูแลสุขภาพลำดับต้น ๆ ที่หลายคนเลือกดื่มเพื่อต้อนรับวันใหม่หรือดื่มในระหว่างวัน ดื่มแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน เรียกว่าถ้าเป็นเครื่องดื่มชาเขียวผสมขิง ดื่มแล้วดี มีประโยชน์ยกกำลังสองเลยทีเดียว


     ขิง มีกลิ่นและรสอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหยในขิงมีสรรพคุณในการช่วยผ่อนคลาย ดื่มแล้วรู้สึกโล่งสบาย

 

     เครื่องดื่มชาเขียวผสมน้ำขิง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง

     อนุมูลอิสระ (Free Radicals) หมายถึง โมเลกุล หรืออะตอมที่ไม่เสถียรเนื่องจากการขาดอิเล็กตรอน ที่อยู่รอบนอกสุดของอะตอม อนุมูลอิสระนี้ มีช่วงอายุสั้นเพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาที แต่สามารถสร้างความเสียหายต่อ DNA ด้วยการแย่งจับอิเล็กตรอนของเซลล์อื่นในร่างกาย ที่เรียกว่าภาวะเครียดที่เกิดจากออกซิเดชัน (oxidative stress) ทำให้โมเลกุลของร่างกายไม่เสถียร เกิดความเสียหาย นำไปสู่การเกิดโรคและริ้วรอยบนร่างกาย และอาจเกิดการกลายพันธุ์จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ในภายหลัง (อนุมูลอิสระมาจากมลภาวะทางอากาศ, การสูบบุหรี่, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์, อาหารทอด, การอักเสบ, การฉายรังสี, ยาและสารเคมีบางชนิด, ไวรัสบางชนิด, ความเครียด ฯลฯ)

     ร่างกายจึงต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยทำให้โมเลกุลที่ไม่เสถียรนี้มีความเป็นกลาง และช่วยปกป้องร่างกายจากการเสื่อมโทรมของเซลล์เหล่านี้นั่นเอง

     ชาเขียว มีสารสำคัญที่ชื่อว่า EGCG อีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (Epigallocatechin gallate) เป็นสารกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ซึ่งแรงกว่าวิตามินซี 100 เท่า และแรงกว่าวิตามินอี 25 เท่า

 

     เครื่องดื่มชาเขียวผสมน้ำขิง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

     ชาเขียว เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแคทิชิน และกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า แอล-ธีอะนีน ซึ่งอาจมีส่วนช่วยในการสร้างสารประกอบที่ช่วยต่อสู้กับเชื้อโรคให้กับที-เซลล์ และสาร Epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงที่พบได้ในชาเขียวสามารถช่วยทำลายเอนไซม์ตัวร้าย 3CL ได้ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับกลไกการป้องกันของเซลล์ในร่างกายจากเชื้อไวรัสได้ด้วย และชาเขียวมัทฉะจะมีปริมาณของสาร EGCG มากกว่าชาเขียวทั่วไป โดยอัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อทั้งร่างกายและผิวพรรณ

     เนื่องจากมีการวิเคราะห์สารสำคัญในน้ำขิงพบว่า น้ำขิงมีสารจินเจอร์รอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งในกลุ่มฟีนอล ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย จึงมีการพัฒนาน้ำขิงเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในภาวะที่ต้องการต้านอนุมูลอิสระมากมาย เพราะสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ที่ทรงพลังของน้ำขิงช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั่นเอง

 

     เครื่องดื่มชาเขียวผสมน้ำขิง ช่วยควบคุมน้ำหนักและลดน้ำตาลในเลือด

     ภญ.ศิรินภา เซี่ยงหลิว เขียนในบทนำ ชาเขียว กองการแพทย์ทางเลือกไว้ว่า ชาเขียวมีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและระดับอินซูลินในเลือด ลดโคเลสเตอรอล สลายไขมัน (fat oxidation) เป็นต้น เพราะในชาเขียวมีสารกลุ่มโพลิฟีนอล เช่น อีพิกัลโลคาเทชินกัลเลต (epigallocatechin gallate: EGCG), ไมริซิติน (myricetin), เคอร์ซิติน (quercetin) และแคมป์เฟอรอล (kaempferol) นั่นจึงทำให้สามารถต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วย

     น้ำขิงมีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนักได้ จากการศึกษาพบว่าน้ำขิงช่วยลดน้ำหนักตัว อัตราส่วนเอวต่อสะโพก และอัตราส่วนสะโพกในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนได้ นอกจากนี้ ยังพบว่าน้ำขิงสามารถช่วยลดดัชนีมวลกาย (BMI) และระดับอินซูลินในเลือดได้ ซึ่งการมีระดับอินซูลินในเลือดสูงนั้นมีความสัมพันธ์กับโรคอ้วน

     งานวิจัยบางชิ้นพบว่าขิงมีคุณสมบัติในการต้านเบาหวานที่ทรงประสิทธิภาพ โดยพบว่าผู้ที่เป็นเบาหวานแล้วดื่มน้ำขิงทุกวันจะมีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการศึกษาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยังต้องได้รับการยืนยันจากการศึกษาชิ้นใหญ่ก่อน