LOGIN / REGISTER
OR
New Register
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
Terms of Use and Privacy Policy
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
LOGIN / REGISTER
New Register
Or Login By
OR
Order by Guest Account
การดำเนินการต่อถือว่าคุณยอมรับ
Terms of Use and Privacy Policy
เราอาจส่งข่าวสารให้ท่าน ท่านสามารถปิดการรับข่าวสาร
ได้โดยเปลี่ยนการตั้งค่าในบัญชีของท่าน
เราจะไม่ส่งข่าวสารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท่าน
MY CART
Manage Item
ยังไม่มีคำสั่งซื้อ
You might also like
PRODUCTS
CUSTOMER SERVICE
ABOUT US
PROMOTION
REWARDS
HELPING
4 เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพเมื่อต้องเจอฝน
4 เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพเมื่อต้องเจอฝน

อย่าตากฝนนะ เดี๋ยวไม่สบาย” เชื่อว่าใครหลายคนแทบคุ้นเคยกับประโยคนี้กันมาตั้งแต่เด็ก และยิ่งโตก็ยิ่งสงสัยว่าทำไมเวลาเปียกฝน ส่วนใหญ่จะต้องเป็นหวัด ซึ่งจริง ๆ แล้วมีหลายปัจจัยที่ทำให้ไม่สบายได้ เช่น ลมและฝนพัดเอาเชื้อไวรัสที่ลอยอยู่ในอากาศมาสู่คน หรือในเวลาที่ฝนตกหนัก อุณหภูมิของร่างกายมักลดต่ำลงกว่าปกติ หรือที่เรารู้สึกว่าหนาว ๆ ตอนฝนตก โดยถ้าหากภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ เจ้าเชื้อไวรัสที่มากับอากาศก็พร้อมเข้าสู่ร่างกายอย่างง่ายดาย ส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายต่าง ๆ ตามมา ดูแลตัวเองให้ห่างไกลไข้หวัด ด้วย 4 เคล็ดลับ ปกป้องสุขภาพให้พร้อมเสมอเมื่อต้องเจอฝนตก

1. พกพาร่ม หรือสวมเสื้อกันฝน และอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลีกเลี่ยงการเปียกฝน! นี่คือสิ่งแรกที่ต้องพยายามทำให้ได้ อย่างการยืนหลบฝน รอให้ฝนหยุด ไม่ต้องเสี่ยงป่วยและก็ยังไม่เสี่ยงอุบัติเหตุอีกด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องเดินทางในช่วงฝนตกจริง ๆ ก็ควรพกพาร่มเอาไว้กางกันฝนเวลาไปไหนมาไหนหรือจะสวมชุดกันฝนก็ตามแต่จะสะดวก เพราะอยู่ใต้ฟ้าคงจะกลัวฝนก็คงไม่ได้ และอาบน้ำสระผมเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน เพราะการใส่เสื้อผ้าเปียกชื้นนาน ๆ อาจทำให้คุณเป็นหวัด อีกยังก่อให้เกิดการหมักหมมจนกลายเป็นแหล่งเชื้อราโดยที่คุณไม่รู้ตัว และควรอาบน้ำ สระผมทันที ไม่ควรนั่งเล่นจนตัวแห้ง หรือทำแค่เปลี่ยนเสื้อผ้าเฉย ๆ เพราะว่าเชื้อแบคทีเรียที่มากับสายฝนทำให้ร่างกายเราติดเชื้อโรคได้ง่าย

2. ล้างมือบ่อย ๆ
มือสะอาด อาหารปลอดภัย สวมใส่หน้ากาอนามัย ห่างไกลโรค ตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขที่มุ่งส่งเสริมให้ล้างมือทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารและการใช้ช้อนกลาง มีส่วนช่วยลดการปนเปื้อนของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และสวมใส่หน้ากาอนามัย ป้องกันโรคติดต่อจากเชื้อไวรัส แบคทีเรียและโรคติดต่อต่าง ๆ ได้

3. ดื่มน้ำขิงเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย
การดื่มน้ำขิงเป็นประจำ มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ป้องกันการเป็นไข้หวัดได้ หรือหากเปียกฝนกลับบ้านมา รีบอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ชงน้ำขิงอุ่น ๆ ดื่มสักแก้ว ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย

เพราะขิงถูกจัดให้เป็นสมุนไพรที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับในแง่ของสรรพคุณทางยาที่อุดมไปด้วยสาร “จินเจอร์รอล” ที่มีสรรพคุณทางยาสูง รวมไปถึงสาร ซิงเจอโรน (Zingerone) โชกาออล (shogaol) และอื่น ๆ อยู่ในปริมาณมาก โดยเฉพาะในขิงแก่สดอายุ 11-12 เดือน สำหรับสารประกอบสำคัญอย่าง “จินเจอร์รอล” นั้นถือเป็นหัวใจสำคัญของขิงในการใช้เพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ เนื่องจากจินเจอร์รอลมีส่วนช่วยในการต้านอาการอักเสบ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน บรรเทาอาการปวด คลายเส้นประสาท ลดไข้และมีคุณสมบัติในการต่อต้านจุลชีพหรือแบคทีเรียนั่นเอง

4. พักผ่อนให้เพียงพอและหมั่นออกกำลังกาย
การนอนหลับพักผ่อนเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายของเราจะได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่อย่าเพิ่งนอนทั้ง ๆ ที่เส้นผมยังเปียกอยู่เด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ไม่สบายแล้ว ยังทำให้หมอนได้รับความชื้นจากเส้นผม กลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย ที่สำคัญ การมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้นั้น ก็ต้องหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ หรือควรขยับร่างกาย อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน นะคะ
แชทผ่านไลน์ @Liveandfit