“สุขภาพกายว่าสำคัญแล้ว สุขภาพจิตก็สำคัญไม่แพ้กัน” สุขภาพจิตเป็นสภาวะทางจิตใจของแต่ละบุคคลที่มีการเปลี่ยนแปลงตามสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัว และยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตซึ่งในบางคนไม่สามารถควบคุมได้ เช่น พันธุกรรม ประวัติครอบครัวและประสบการณ์ชีวิต ซึ่งอาจเป็นเพราะชีวิตคนเรามีขึ้น มีลง มีเรื่องราวที่ต้องเผชิญกับความผิดหวัง ความเสียใจ และหากอยู่ในภาวะที่เครียดมาก ๆ อาจทำให้สุขภาพจิตใจอ่อนแอ และยิ่งรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจนส่งผลเสียไปสู่สุขภาพจิตและเกิดปัญหาหรือโรคทางจิตใจและอารมณ์ได้
เมื่อเราป่วยกายก็ไปปรึกษาแพทย์ และเมื่อเราป่วยทางจิตใจก็เช่นกัน และถ้าหากคิดว่า ตัวเราเองกำลังรู้สึกไม่สบายใจหรือมีความทุกข์ ความเครียด LiveandFit มีวิธีดูแลสุขภาพจิตใจให้มีความสุขในทุกวันมาฝากกันค่ะ
8 วิธีดูแลสุขภาพจิตใจให้มีความสุขในทุกวัน
1.เริ่มต้นวันใหม่ เพิ่มพลังชีวิตให้สดใส
ลุกขึ้นเปิดม่าน มีผลการวิจัยที่พบว่า อารมณ์ของเราในตอนเช้ามีผลต่อการดำเนินชีวิตทั้งวันเชียวนะ และการตื่นมาแล้วลุกขึ้นไปเปิดม่าน หรือเปิดหน้าต่าง เป็นวิธีหนึ่งที่มีส่วนทำให้เรามีความสุขตลอดทั้งวัน เพราะการเปิดม่าน เปิดหน้าต่าง ในตอนเช้า เป็นการกระตุ้นร่างกายให้รับรู้ว่าการนอนหลับเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อที่ร่างกายจะสั่งการให้หยุดหลั่งสาร “เมลาโทนิน” ออกมาสู่กระแสเลือด (เมลาโทนินคือฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ถูกสร้างมาจากสมองในเวลาที่ไม่มีแสง, มีแสงสว่างน้อย หรือในเวลากลางคืน เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกง่วง)
เก็บเตียงพับที่นอน พยายามทำให้คุ้นชิน สิ่งนี้จะเป็นภารกิจแรกของวันที่เราทำสำเร็จ มีส่วนช่วยสร้างกำลังใจ สร้างความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ส่งผลดีให้กับสิ่งที่เราต้องทำต่อไป และการเก็บที่นอนให้เป็นระเบียบนั้น ทำให้เราเห็นภาพที่สบายตา สร้างความรู้สึกผ่อนคลาย ลดเครียดได้อีกด้วย
ทำสมาธิ คือการฝึกจิตใจให้ได้รับหรือสัมผัสกับความสงบ ไม่ให้เราคิดวกวนหรือคิดฟุ้งซ่าน และปัจจุบันนี้ การเข้าถึงหลักการทำสมาธิก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก มีแอพพลิเคชั่นให้คุณดาวน์โหลดผ่านมือถือเพื่อช่วยในการเรียนรู้วิธีการทำสมาธิอย่างถูกต้อง เช่น แอพพลิเคชั่น Calm, Headspace, Mooditude ให้คุณสามารถฝึกสมาธิได้ด้วยตัวเองในตอนเช้า
2.รักในการอ่านให้มากขึ้น
ประโยชน์ของการอ่านไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มพูนความรู้ ยังมีส่วนช่วยให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างขึ้นในการมองโลกและมีความรักในการอ่านเพิ่มมากขึ้น เราสามารถเลือกอ่านได้ทุกอย่างที่สนใจเพื่อที่เราจะได้หลีกเลี่ยงหรือมีช่วงเวลาออกห่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือมากขึ้น และมีผลการศึกษาที่เชื่อมโยงไปถึงผลของการอ่านที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองของสมองต่อความรู้สึกทางกายที่ดีขึ้น
3.แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกาย
ประโยชน์ที่น่าทึ่งของการเคลื่อนไหวร่างกายมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค รวมไปถึงช่วยเสริมสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ และยังส่งผลต่อระบบประสาทที่มีส่วนช่วยในการปรับอารมณ์ ลดเครียด เพียงคุณลองเริ่มต้นเปลี่ยนตัวเองให้มีกิจกรรมเหล่านี้บ้างในชีวิตประจำวัน
เดินเล่นยามเช้า
พาตัวเองออกไปเดินเล่นสูดอากาศ หรือพาสุนัขของคุณออกไปเดินเล่นด้วยกัน อาจจะมีวางเป้าหมายในการเดินให้มีระยะทางเท่านั้นเท่านี้ต่อครั้งและต่อวัน และแอบเพิ่มระยะทางเข้าไปวันละนิดก็เป็นสิ่งที่ดีงามมาก ๆ เลย แต่หากไม่มีเวลาเลยจริง ๆ ในบางคนอาจใช้การเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ หรือเลือกจอดรถห่างจากทางเข้าของแต่ละสถานที่ที่เราเดินทางไป เพื่อให้เราได้มีช่วงเวลาที่ดีต่อร่างกายด้วยการเดินนั่นเอง
ยืดเหยียดร่างกาย
การยืดอวัยวะของร่างกายมีส่วนช่วยเพิ่มความยืดหยุ่น เพิ่มการเหยียดขยายขอบเขตของการเคลื่อนไหว ทั้งเวลายืน นั่ง นอน ช่วยเพิ่มการไหลของเลือด และควรยืดเหยียดร่างกาย 60 วินาทีต่อการยืด ทำเถอะนะ ง่ายนิดเดียว
ออกกำลังกาย
ปรับความคิดและตั้งใจอย่างจริงจังเรื่องการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย กำหนดวันหรือแบ่งเวลาที่ต้องการไปออกกำลังกายในแต่ละสัปดาห์และเขียนกำหนดลงไป มันจะเป็นสิ่งที่พิเศษมาก หากคุณประสบความสำเร็จในเป้าหมายของคุณ
4.จัดเวลาเพื่อการดูแลตนเอง
ใช้เวลาอย่างมีสติในการใส่ใจดูแลตัวเอง คือการดูแลสุขภาพจิตใจตัวเองที่ดีอีกวิธีหนึ่ง ซึ่งการดูแลตัวเองในแต่ละบุคคลย่อมมีลักษณะที่แตกต่างกัน หากคุณพบประโยชน์ แง่คิดดี ๆ จากการสนทนาระหว่างคุณพ่อ คุณแม่ หัวหน้า ครูอาจารย์ หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ ควรบันทึกใส่ไว้ในปฏิทินของคุณและตั้งวันเวลาสำหรับการสนทนานี้ เพื่อจะได้นำกลับมาสร้างความรู้สึกดี ๆ แบบนี้ได้ตลอดเวลา ในบางคนรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งเวลาอาบน้ำเหมือนได้เติมพลัง ทำไปเลย! อะไรก็ตามที่คุณทำแล้วรู้สึกดี ควรจัดเวลาเพื่อทำสิ่งนั้นเอาไว้ด้วย
5.ฝึกใช้คำพูดเชิงบวก
ไม่ใช่เป็นการพูดออกมาแต่คำสวยหรูดูดี แต่เป็นการพูดที่มีสติ มีประโยชน์ คิดก่อนพูด พูดอย่างระมัดระวัง จริงใจ และเปิดใจให้ตัวเองรู้จักการมีอารมณ์ขัน เนื่องจากคนที่มองเห็นมุมดี ๆ ของเหตุการณ์ที่ไม่ดี จะสามารถจัดการกับความเครียดได้ เพราะเชื่อว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก และเมื่อเรารู้จักใช้การพูดในเชิงบวกได้ แสดงว่าสุขภาพจิตใจของเราดีขึ้นและเป็นผู้ประสบความสำเร็จมากขึ้น
6.กำหนดเวลานอนให้ชัดเจน
โดยเลือกกำหนดเวลานอนของตัวเองว่า จะนอนตอนไหน ตื่นตอนไหน และยึดมั่นทำตามอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ เพราะถ้าหากเรานอนแบบตามใจตัวเอง การปรับเวลานอนก็จะไม่สามารถทำได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้นอน 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เมื่อตื่นขึ้นแล้วจะรู้สึกสดชื่น นอนเต็มอิ่ม มีสุขภาพทางจิตใจและร่างกายดีขึ้น
7.ออกไปข้างนอกบ้าง
บางคนใช้เวลาอยู่กับการเรียน การทำงาน งานบ้าน หรืออยู่กับสภาพแวดล้อมเดิม ๆ อย่างน้อยก็ตั้งแต่เวลา 9.00 – 17.00 น. แต่คุณรู้ไหมว่า เส้นทางแห่งความสุข คือการเดินออกไปข้างนอกบ้าง เช่น บางคนออกไปหาของอร่อยกิน ออกไปเดินตลาด
ออกไปใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่งการใช้เวลานอกบ้านเพียง 20 นาทีต่อวัน มีส่วนที่จะช่วยเพิ่มความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ลดความคิดเชิงลบ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ และได้รู้สึกว่ามีแสงแดดสัมผัสผิวกายของเราบ้าง
8.รู้สึกยินดีและขอบคุณสิ่งต่าง ๆ
ฝึกหรือปรับทัศนคติตัวเองให้ให้รู้สึกยินดีและขอบคุณต่อสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่ คน สัตว์ สิ่งของ เช่น ตั้งแต่เริ่มดำเนินชีวิตในตอนเช้าขณะที่คุณแปรงฟัน รู้สึกยินดีและขอบคุณอาหารมื้อเช้า หรือมีความกรุณาในการแบ่งปัน พร้อมทั้งมีสมุดจดบันทึกเรื่องราวดี ๆ ในระหว่างวันจนถึงก่อนเข้านอน จะมีส่วนช่วยปรับปรุงสุขภาพจิตและเพิ่มความสุขให้เราได้
ดังนั้น การดูแลสุขภาพจิตใจหรือภาวะทางอารมณ์ให้แข็งแรงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งหากเรามีสุขภาพจิตใจที่ดีก็จะสามารถจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี และ LiveandFit มี Checklist ให้คุณได้สังเกตสุขภาพจิตใจของตัวเองมาฝาก ลองทำดูนะคะ